“บิ๊กตู่” เผยสั่งสอบข่าวแฮกข้อมูล ลั่นไม่ได้ข้อมูลลับ ย้ำต้องหามาตรการเพิ่มเกี่ยวกับโซเชียล รับเครื่องมือไม่ทันสมัย ชี้ละเมิดสิทธิ-ป้องกันภัย เส้นแบ่งนิดเดียวต้องเข้าใจตรงกัน ซัด พวกหมิ่นสถาบันไม่เคยสำนึก แจงคดีต่างๆ ไม่หยุดนิ่ง ขอให้กำลังใจกัน ติงซีซีทีวีไม่ชัดฝากติดให้ดี เล็งปรับปรุง เร่งซื้อไบโอแมทริกซ์ สั่งไอซีทีจัดการ-เตรียมบินเยือนฟิลิปปินส์ 27-28 ส.ค. กระชับสัมพันธ์ เป็นชาติอาเซียนลำดับที่ 8
วันนี้ (25 ส.ค.) ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีกลุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นกลุ่มอิสลามตูนิเซีย แฮกข้อมูลเข้าไปในเว็บไซต์หน่วยงานภาครัฐว่า ตนได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว ได้สั่งการให้ตรวจสอบไปแล้วว่าจริงหรือไม่และใครเป็นผู้กระทำ และข้อมูลในประเทศไทยบางอย่างก็ไม่ได้มีความลับอะไรมากมายขนาดนั้น อะไรที่เป็นความลับมีระบบป้องกันไม่สามารถแฮกเข้ามาได้มันมีระดับของการป้องกันอยู่ อันที่มีข่าวไปนั้นถือว่าไม่มีความสำคัญเท่าไหร่ ความสำคัญเขามีการจัดระดับอยู่ จากนี้ไปก็ต้องหามาตรการเพิ่มเติม เช่น เครื่องมือในการป้องกันดูแลเรื่องเหล่านี้ โดยเฉพาะเกี่ยวกับโซเชียลมีเดีย เพราะทุกคนรู้ว่าเราไม่สามารถที่จะดูแลได้ตรงนี้ก็พยายามใช้ช่องว่างทางกฎหมาย ช่องว่างทางเครื่องมือที่ไม่ทันสมัยพอเหมือนประเทศอื่น โดยใช้วิธีการไปเปิดเว็บไซต์จากต่างประเทศแล้วปล่อยเข้ามาตรงนี้ ไม่รู้กี่ร้อยช่องทาง เราไม่สามารถคอนโทรล์อะไรได้
“ตรงนี้ต้องเห็นใจ เราพูดเรื่องนี้ทุกคนก็บอกว่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เส้นแบ่งมันนิดเดียวระหว่างการละเมิดกับการป้องกันความสงบในบ้านเมืองอยู่ตรงไหน ถ้าเข้าใจกันตรงนี้เส้นแบ่งก็ไม่ทาบทับกันอยู่แล้ว อย่างการละเมิดกฎหมายอื่น เช่น การละเมิดสถาบัน มันทำมาจากต่างประเทศทั้งนั้น แล้วก็มีคนนำมาขยายต่อ พอมีการจับก็บอกไม่รู้ ลอกคนอื่นเขามา พระองค์ท่านก็ทรงพระเมตตาคนเหล่านี้มาตลอด แต่คนเหล่านี้ก็ไม่เคยสำนึก โดยเฉพาะพวกที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ ซ่องสุมที่โน่นที่นี่รู้หมด ไอ้พวกที่พูดเยอะตรงนี้ อาจารย์โน้นอาจารย์นี้รวมหัวกันอยู่ต่างประเทศ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงเรื่องการปรับปรุงกล้องซีซีทีวีเพื่อเสริมงานด้านความมั่นคงว่า ขณะนี้สถานการณ์มันก็เป็นอยู่อย่างนี้มันพร้อมจะเกิดขึ้นทั้งโลกทุกประเทศ ซึ่งก็รู้อยู่แล้วว่ามีภัยอะไรกันบ้าง ฉะนั้นคดีความต่างๆ เจ้าหน้าที่ไม่ได้หยุดนิ่ง ทั้งเรื่องการติดตามรูปถ่ายไปทั่วโลกแล้ว ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าคนเหล่านี้พอเกิดเรื่อง ทำแล้วและหนีไปเลยทันทีหรือเปล่าไม่แน่ใจ กำลังตามอยู่ก็มีความคืบหน้าตามลำดับ อย่าเพิ่งไปต่อว่าให้กำลังใจกันบ้าง สถานการณ์วันนี้ต้องให้กำลังซึ่งกันและกัน ตนก็ต้องให้กำลังใจประชาชน นักลงทุน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ถ้าเราทำลายกันเอง ความเชื่อมั่นก็ไม่กลับมา แล้วใครได้ ใครเสีย ประเทศเสียจึงอยากจะฝากสื่อไว้ด้วยในเรื่องเหล่านี้ และต้องช่วยกันเฝ้าระวังให้มากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องกล้องซีซีทีวีก็ต้องขอความร่วมมือ เพราะวันนี้ภาพไม่ค่อยชัดจะติดตั้งอะไรต่างๆ ก็ควรจะให้ดีสักนิด โดยเฉพาะบรรดาศูนย์การค้าต่างๆ ภาคธุรกิจต้องช่วยตัวเองด้วย ขอเราจะดูในพื้นที่สาธารณะข้างนอกเป็นหลัก ซึ่งต้องใช้งบประมาณสูงมาก แต่ต่อไปจะต้องปรับปรุงหมด เห็นไหมใช้เงินทุกอย่างเลย ทั้งนี้การจัดซื้อกล้องซีซีทีวีอยู่ในแผนที่ต้องให้มีการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ต้องใช้เงินในการลงทุน แต่ถ้าลงทุนมาก่อนหน้านี้ก็ไม่ต้องลงทุนมาก ไม่ต้องเสียเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง
เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้แค่ไหน ในการจัดซื้อเครื่องไบโอแมทริกซ์ สำหรับตรวจสอบรูปหน้า ลายพิมพ์นิ้วมือและแววตาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะเร่งให้เร็วที่สุดซึ่งมีเสนอมาแล้วอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการ โดยตนได้บอกให้คณะกรรมการไอซีทีไปดูคุณภาพ ประสิทธิภาพดีครบถ้วนหรือไม่ ถ้ายังมีสตางค์แค่นี้ ระยะที่ 1 ควรจะมีแค่ไหน จะต้องพร้อมเพิ่มเติมในระยะ 2 3 ต่อไปในอนาคตด้วย ไม่ใช่ซื้อที่เดียวแล้วจบแค่นั้น วันหน้าจะซื้อใหม่อีกทั้งระบบไม่ได้ ต่อไปนี้ต้องเป็นระบบหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการใช้เทคโนโลยี เพราะเราปรับกระทรวงไอซีทีใหม่แล้ว ฉะนั้นไอซีทีจะเป็นคนดูแลเรื่องเหล่านี้ ซึ่งตนได้สั่งการไปแล้ว
ด้าน พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและภริยา พร้อมด้วยนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 27-28 สิงหาคม 2558 วัตถุประสงค์ของการเยือนครั้งนี้ เป็นการกระชับความสัมพันธ์กับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และสานต่อผลการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เมื่อครั้งที่ผู้นำทั้งสองได้พบปะหารือระหว่างประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 22 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557 สำหรับภารกิจสำคัญของนายกรัฐมนตรีในการเยือนฟิลิปปินส์ครั้งนี้ ได้แก่ การวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์ โฮเซ ริซาล การเข้าเยี่ยมคารวะและทวิภาคีกับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ พร้อมการแถลงข่าวร่วมกัน ณ ทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ กำหนดการเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ มีรายละเอียด ดังนี้
นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางวันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม 2558 ในช่วงบ่ายเวลา 14.00 น. ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร (บน.6) ไปยังกรุงมะนิลา และเดินทางถึงฐานทัพอากาศ Villamore กรุงมะนิลา เวลา 18.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) จากนั้น จะร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ โดยมีเอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา และภริยา เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและภริยา ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา ในวันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2558 นายกรัฐมนตรีวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์ โฮเซ ริซาล และเดินทางไปทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เพื่อเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ จากนั้นจะเข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และแถลงข่าวร่วมกันกับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ หลังจากนั้น ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและคณะ ช่วงบ่ายเวลา 15.00 น.โดยประมาณ นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางออกจากฐานทัพอากาศ Villamore กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ กลับประเทศไทย โดยจะเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร (บน.6) ในเวลา 16.45 น.ในวันเดียวกันนี้
อนึ่ง การเดินทางเยือนฟิลิปปินส์เป็นการเยือนประเทศอาเซียนในลำดับที่ 8 ของนายกรัฐมนตรี นอกจากจะเป็นการปฏิบัติตามธรรมเนียมของผู้นำอาเซียนในการเยือนประเทศสมาชิก เพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับตำแหน่งแล้ว ยังมีเป้าหมายสำคัญ คือ การกระตุ้นบรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างไทยและฟิลิปปินส์ให้แน่นแฟ้นและกลับมามีความคึกคักยิ่งขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าผู้นำทั้งสองประเทศจะได้มีการหารือความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน รวมทั้งผลักดันความตกลงที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน เช่น ความร่วมมือด้านการศึกษา ความร่วมมือด้านการบริการเดินอากาศ เป็นต้น