แหล่งข่าวรัฐสภาแฉ! เครื่องสแกนบุคคลถูกจัดซื้อในยุค “สุวิจักขณ์” ตัวละ 16 ล้าน เมื่อปี 56 ใช้ได้จริงแค่เครื่องเดียว อ้างไฟไม่เสถียร ตั้งแต่ซื้อมาเพิ่งได้ประเดิม เหตุไม่มีจัดอบรมให้ใช้ ส่วนสมาชิกก็บ่นยุ่งยาก
วันนี้ (19 ส.ค.) ที่รัฐสภา มีรายงานว่า จากกรณีเกิดเหตุระเบิดที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ทำให้อาคารรัฐสภาที่ถือเป็นที่ประชุมของทั้ง สปช.และ สนช.สั่งการให้มีการดูแลและรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ตรวจเข้มทั้งรถยนต์และบุคคลที่เข้าออกอาคารรัฐสภา และตรวจบัตรประจำตัว โดยวานนี้ (18 ส.ค.) นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้เดินตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยรอบอาคารรัฐสภา และเปิดเผยว่ายังมีจุดบกพร่องอยู่ ทั้งเรื่องการแสดงผลการตรวจสอบใต้ท้องรถ และจุดสแกนบุคคลเข้าออก 360 องศา ที่เพิ่งติดตั้งได้ไม่นาน แต่ได้สั่งแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อให้ใช้งานได้ภายใน 1 วันแล้ว รวมทั้งสั่งเพิ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาประจำในแต่ละจุด ทั้งจำนวนคนและผลัดเวร และยกระดับรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดนั้น
ในวันนี้ได้มีแหล่งข่าวระดับสูงของรัฐสภาออกมาเปิดเผยว่า แท้จริงแล้วเครื่องสแกนบุคคลเข้าออก 360 องศา ยี่ห้อ smith detection ที่มีการจัดซื้อมาตั้งแต่ช่วงปี 2556 ที่มีราคาสูงถึงราคาเครื่องละ 16 ล้านบาท โดยสมัยนั้นเป็นช่วงที่นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เป็นเลขาธิการสภาอยู่ ได้จัดซื้อมาทั้งสิ้น 4 เครื่อง เป็นเงินกว่า 60 ล้านบาทนั้น ในขณะนี้กลับใช้งานได้เพียง 1 เครื่องเท่านั้น ส่วนอีก 3 เครื่องไม่สามารถใช้งานได้แล้ว โดยมีการอ้างว่าระบบไฟไม่เสถียร อีกทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐสภายังกล่าวต่อเรื่องนี้ว่า ตั้งแต่ซื้อเครื่องดังกล่าวมาไม่เคยได้ใช้งาน เพราะทางสำนักรักษาความปลอดภัยก็ไม่เคยจัดให้มีการอบรมการใช้เครื่องนี้ รวมไปถึงบรรดาสมาชิกไม่ว่าจะเป็น ส.ส., ส.ว.ในขณะนั้น หรือ สปช., สนช. ก็รู้สึกว่าเป็นความยุ่งยากและเสียเวลา ทำให้เครื่องดังกล่าวไม่เคยได้ใช้งานเลย
ทั้งนี้ยังมีการเปิดเผยอีกว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมาทางสภาได้มีการเรียกประชุมในเรื่องดังกล่าว โดยได้มีการหารือกันถึงการเบิกงบประมาณในการซ่อมแซมเครื่องสแกนบุคคลไป แต่กลับยังใช้การไม่ได้