“วัชระ” เย้ย “โอ๊ค” สมองคนลอกข้อสอบคิดคำแขวะ “บิ๊กตู่” เองไม่ได้ ไล่ด่าพ่อตัวก่อปัญหา

อดีต ส.ส. ปชป. สวน “น้องโอ๊ค” ชัดเจนมีคนเขียนสคริปต์ให้แขวะ “ประยุทธ์” ปรับทัศนคติตัวเอง เย้ย สมองคนลอกข้อสอบคงคิดไม่ได้ ย้อนทหารออกมาเพราะระบอบพ่อตัวเองใช้อาวุธฆ่ากลุ่มต้าน แถมโกงข้าว ชี้แบบนี้เผด็จการกว่าหรือไม่ ไล่ไปด่าพ่อ ที่สร้างปัญหาชาติ ย้อนเกล็ด แนะ ตั้งกก. สอบ กรุงไทยปล่อยกู้กฤษดานคร 9 พัน ล. จนเป็นเอ็นพีแอล และ AIS ตั้งเสาสัญญาณไม่เสียค่าเช่า



วันนี้ (5 ก.ค.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตามที่มีผู้เขียนสคริปต์ให้และส่งในเฟซบุ๊ก นายพานทองแท้ ชินวัตร เรียกร้องให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. และ นายกรัฐมนตรี ว่า เป็นตัวปัญหาและให้ปรับทัศนคติตนเองนั้น เป็นที่ชัดเจนว่านายพานทองแท้ มีทีมงานสื่อมวลชนอาวุโสรับงานจากตระกูลชินวัตรเขียนให้ เพราะลำพังมันสมองของนายพานทองแท้ไม่กล้าเขียนเช่นนี้แน่ ขนาดข้อสอบปริญญาตรีที่รามคำแหง นายพานทองแท้ยังต้องลอกข้อสอบจนอาจารย์จับได้ แต่ก็ยังได้ปริญญาบัตร เพราะเป็นบุตรนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ถ้าเป็นลูกชาวบ้านต้องถูกลบชื่อออกจากทะเบียนนักศึกษาไปแล้ว

นายวัชระ กล่าวต่อว่า การที่ นายพานทองแท้ ชินวัตร อ้างว่า ปัญหาของประเทศอยู่ที่ตัวพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะคิดเอง ยึดอำนาจเอง เป็นเผด็จการนั้น นายพานทองแท้ ตั้งใจลืมกระมังว่า พลเอก ประยุทธ์ ต้องออกมา เพราะมีกองกำลังใช้อาวุธสงครามฆ่านักศึกษาประชาชนผู้ชุมนุมที่ไม่เห็นด้วยกับระบอบบิดาของนายพานทองแท้ คือ ระบอบทักษิณ โดยตำรวจทาสของระบอบทักษิณรู้เห็นเป็นใจด้วยและมีการโกงชาติจากจำนำข้าวเป็นแสนๆ ล้าน และออกกฎหมายลบล้างความผิดและคืนเงิน 4.6 หมื่นล้าน ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างนี้เรียกว่าเผด็จการยิ่งกว่าไหม

“พลเอก ประยุทธ์ ที่นายพานทองแท้ เรียกว่าเป็นเผด็จการนั้น ไม่เคยสั่งฆ่าพี่น้องร่วมชาติแม้แต่คนเดียว ไม่เคยโกงเงินชาติเป็นแสนล้าน ไม่เคยทำเหมือนที่คุณพ่อนายพานทองแท้ทำแม้แต่เรื่องเดียว” นายวัชระ กล่าว

นายวัชระ กล่าวต่อว่า ถ้าจะด่าควรกลับไปด่าบิดาของตนเองจะดีกว่าที่ทำให้ประเทศชาติมีปัญหามาถึงทุกวันนี้ ปัญหาของประเทศที่แท้จริงจึงเกิดบิดาของนายพานทองแท้เอง และเพื่อสนองตอบต่อข้อเรียกร้องของนายพานทองแท้ ชินวัตร ขอเสนอให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งตั้งคณะกรรมการสอบการทุจริตกรณีธนาคารกรุงไทยปล่อยเงินกู้ให้กับกลุ่มกฤษดานคร 9,000 ล้านบาทจนเป็นเอ็นพีแอลว่ามีเม็ดเงินไหลกลับเข้ามาในบัญชีของใครบ้างแล้วเปิดเผยต่อประชาชนและให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดและกรณีบริษัทเอไอเอส.ตั้งเสาสัญญาณบนอาคารของสถาบันการบินพลเรือนตั้งแต่ พ.ศ. 2545 โดยไม่มีสัญญาเช่าและไม่จ่ายค่าไฟเกือบ 2 ล้านบาท สั่งให้ดำเนินคดีอาญาให้ถึงที่สุด

“คนยากคนจนแอบใช้กระแสไฟฟ้ายังถูกพิพากษาจำคุกมาแล้ว แต่กรณี บ.Ais ให้สถาบันการบินพลเรือนจ่ายค่าไฟมาตั้งแต่ พ.ศ. 2547 ถึงปัจจุบัน มันเป็นไปได้อย่างไร ท่านนายกรัฐมนตรีที่เคารพ ส่วนกรณีนักศึกษาให้ยึดเมตตาธรรมควบคู่ไปกับการใช้อำนาจ และชี้แจงความจริงให้ประชาชนทราบให้มากที่สุด สุจริตจะเป็นเกราะคุ้มครองในที่สุด” อดีต ส.ส. ปชป.ระบุ