รองโฆษกย้ำไทยต้องปฏิบัติตามกฎหมายเคร่งครัดเพื่อรักษาธุรกิจประมงทั้งระบบ มั่นใจผู้ประกอบการเข้าใจ เผยรัฐเล็งช่วยเหลือเรือประมงที่ไม่ผ่านมาตรฐาน เพื่อสร้างงานสร้างรายได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 1 ก.ค. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าใจความรู้สึกและความกังวลของผู้ประกอบการเรือประมงจำนวนหนึ่งที่ยังไม่สามารถปรับปรุงมาตรฐานการทำประมงให้เป็นไปตามเงื่อนไขการทำประมงของสหภาพยุโรปได้ทันตามกำหนดเวลาภายในเดือนมิถุนายนตามข้อเสนอแนะของสหภาพยุโรป จนทำให้ไม่สามารถนำเรือออกทำการประมงได้ เนื่องจากรัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการตามระเบียบกฎหมายอย่างเคร่งครัดจริงจัง
ทั้งนี้ อยากให้เข้าใจว่าธุรกิจประมงในประเทศไทยจำเป็นต้องมีการยกระดับมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับของประเทศคู่ค้า หากยังคงปล่อยให้ทำการประมงแบบไร้มาตรฐาน ไร้การรายงาน ไร้การควบคุม จะทำให้สินค้าที่เกี่ยวพันกับธุรกิจประมงของไทยถูกกีดกันและไม่สามารถส่งออกไปขายยังต่างประเทศได้เลย อันจะก่อให้เกิดความเสียหายมหาศาลซึ่งรัฐบาลไม่สามารถปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนั้นได้ หากยังมีการปล่อยปละ เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายออกไปเรื่อยๆ จะทำให้ไทยสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายดังกล่าวข้างต้น รัฐบาลยอมให้เกิดเช่นนั้นไม่ได้ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เป็นความจำเป็น แม้จะทำให้ผู้ประกอบการบางคนรู้สึกทำใจยาก แต่เชื่อว่าผู้ประกอบการทุกคนเข้าใจและรับรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อเท็จจริง ที่ต้องปฏิบัติ
ในส่วนเรือประมงที่ไม่สามารถประกอบอาชีพเดิมได้ คงต้องมีการปรับตัว ในส่วนของรัฐคงต้องมีการสำรวจข้อมูลเรือประมงและลูกเรือ ตลอดจนธุรกิจต่อเนื่องเพื่อหารือร่วมกันว่าจะมีแนวทางที่เหมาะสมในเรื่องการประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้อย่างไร
พล.ต.สรรเสริญกล่าวต่อว่า สำหรับเรือประมงที่ไม่สามารถนำเรือออกทำการประมงได้ พบว่ามีจำนวน 2,579 ลำ ขณะที่เรือซึ่งดำเนินการถูกต้องตามระเบียบยังมีอีกเป็นจำนวนมากและยังคงออกเรือทำการประมงตามปกติ