ทนายแฉตำรวจวิ่งราวทรัพย์มือถือนักศึกษา “ดาวดิน”

กลุ่มธรรมศาสตร์เสรี และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ข้างกำแพง มธ. ท่าพระจันทร์ ทนายความแถลงข่าวยืนยันนักศึกษาทั้ง 14 คน ที่ถูกจับกุมมีกำลังใจดี ไม่ต้องเป็นห่วง และย้ำไม่ยอมรับอำนาจศาลทหาร ซัดตำรวจกักรถทนายความ 15 ชั่วโมงมิชอบ อีกทั้งวิ่งราวทรัพย์มือถือนักศึกษา 5 เครื่อง เรียกร้องให้ทำคดีบริสุทธิ์ใจ

วันนี้ (28 มิ.ย.) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ความเคลื่อนไหวหลังจากที่นักศึกษา 14 คน ในนาม กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ถูกจับกุมในคดีฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ได้มีกลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมืองในนาม กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย และอีกหลายกลุ่มทำกิจกรรมเขียนจดหมายน้อยเพื่อให้กำลังใจ บริเวณกำแพงข้างมหาวิทยาลัย โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารนอกเครื่องแบบสังเกตการณ์บริเวณที่จัดกิจกรรม

อีกด้านหนึ่ง ที่ห้องจรุพงศ์ ชั้น 3 อาคารกิจกรรมนักศึกษา นายกฤษฎางค์ นุตจรัส และ น.ส.เยาวลักษณ์ อนุพันธ์ ทีมทนายความที่ว่าความให้กับนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ทั้ง 14 คน แถลงข่าวระบุว่า นักศึกษาทั้งหมดไม่ยอมรับอำนาจศาลทหาร และพวกเขาเป็นนักโทษการเมือง เพราะถูกตั้งข้อหาในความผิดทางการเมือง ขอให้ปล่อยตัวพวกเขาและนักโทษการเมืองคนอื่นๆ โดยไม่มีเงื่อนไข แต่ขณะนี้ยังไม่คิดถึงเรื่องการปล่อยตัวชั่วคราวหรือการประกันตัว อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดยังมีกำลังใจดี และตั้งใจจะต่อสู้เพื่อเสรีภาพ และประชาธิปไตย ขอให้ทุกฝ่ายไม่ต้องเป็นห่วง

อย่างไรก็ตาม ทีมทนายความเห็นว่า นักศึกษาทั้ง 14 คนยังไม่ถูกฟ้องศาล เป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา และทางเจ้าหน้าที่ได้ไปขออำนาจศาลทหารฝากขังเท่านั้น ซึ่งสามารถฝากขังได้ 48 วัน หากเจ้าหน้าที่สั่งฟ้องไม่ทันก็ต้องปล่อยตัวนักศึกษาทั้งหมดตามกฎหมาย โดยกลุ่มนักศึกษาได้ร้องขอให้ทนายความชุดของตนเป็นผู้ว่าความให้ ซึ่งได้ทำหนังสือถึงสภาทนายความให้ทราบว่าไม่ต้องจัดทนายความส่งไป เพราะจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ทนายความ หลังจากที่พนักงานสอบสวนยืนยันว่าจะส่งทนายความจากสภาทนายความไป และเลื่อนการสอบสวนเร็วขึ้นเป็นวันที่ 29 มิ.ย. จากที่ขอเลื่อนการสอบสวนไปเป็นวันที่ 3 ก.ค. เวลา 13.00 น.

ส่วนการที่เจ้าหน้าที่กักรถยนต์ของทีมทนายความไว้ที่หน้าศาลทหาร เพื่อทำการยึดมือถือของนักศึกษานั้น น.ส.เยาวลักษณ์ กล่าวว่า เป็นการกระทำโดยมิชอบ เนื่องจากทนายความมีสิทธิที่จะรับทรัพย์สิน ที่ทางเรือนจำไไม่ให้ผู้ต้องหานำทรัพย์สินเข้าไป และการยึดโทรศัพท์มือถือต้องทำต่อหน้าผู้ต้องหา ไม่ใช่ลับหลัง อีกทั้งตนสงสัยว่า หมายค้นของศาลอาญาธนบุรีไม่มีข้อความใดระบุว่าให้มีการยึดทรัพย์สิน มีเพียงหมายจับเท่านั้น นอกจากนี้ยังพบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมุ่งประสงค์ไปที่โทรศัพท์มือถือของนักศึกษาที่ฝากไว้ 5 เครื่อง

“เราสังเกตเห็นความผิดปกติจากกระบวนการยุติธรรมที่ค่อนข้างเร่งรัด มีการนำซองบรรจุหลักฐานออกไปโดนไม่มีการปิดผนึกปากซอง และทำบันทึกการตรวจยึด ทั้งที่ตามกฎหมายต้องอยู่ที่กองพิสูจน์หลักฐาน จึงโต้แย้งว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ถือเป็นการวิ่งราวทรัพย์ จึงประสานให้นำของกลับคืน เนื่องจากรู้ตัวว่าทำผิดกฎหมาย จึงขับรถนำกลับมาคืน ซึ่งขณะนี้โทรศัพท์ทั้งหมดอยู่ที่สำนักงานกองพิสูจน์หลักฐาน โดยจะมีการนัดเปิดโทรศัพท์ทั้ง 5 เครื่องในวันที่ 29 มิ.ย. นี้” น.ส.เยาวลักษณ์ กล่าว

ส่วนกรณีที่ตำรวจกักรถไว้ ทีททนายความยืนยันว่าการกักรถไว้ที่ศาลทหาร 15 ชั่วโมง โดยที่ยังไม่มีหมายศาลถือว่าขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ทำให้เกิดความหวาดกลัว และเป็นการทำลายหลักฐานมีการข่มขู่ทนายความให้เกิดความหวาดกลัว และการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยานหลักฐาน คือ โทรศัพท์มือถือทั้ง 5 เครื่องไม่ถือว่าเป็นพยานหลักฐานได้ ขึ้ยอยู่กับผู้เสียหายว่าจะดำเนินการอย่างไร ทางทีมทนายความขอวิงวอนให้ทำคดีด้วยความบริสุทธิ์ใจ และพิสูจน์ให้เห็นว่านักศึกษาทั้ง 14 คนเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นอาชญากรรมหรือไม่