ผบ.ทบ.มอบแม่ทัพภาคที่ 3 ดูแลรักษาความปลอดภัยการประชุม ครม.สัญจรที่พิษณุโลก-เชียงใหม่ เผยจากการตรวจสอบยังไม่พบปัญหา เชื่อประชาชนต้อนรับเป็นอย่างดี เพราะนายกฯ ลงพื้นที่ช่วยแก้ปัญหา ระบุข้อเสนอให้นายกฯ บริหารต่ออีก 2 ปี สะท้อนว่าทุกคนเห็นความจริงใจในการทำงาน พร้อมรับฟัง ส่วนการปฏิรูปมีกรอบอยู่ใน รธน.ชั่วคราว และโรดแมปอยู่แล้ว ย้ำไม่คิดสืบทอดอำนาจ
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลรักษาความปลอดภัยการประชุม ครม.สัญจรที่ จ.พิษณุโลก และ จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 29-30 มิ.ย.นี้ว่า ภายหลังจากรับทราบกำหนดการการประชุม ครม.สัญจรแล้ว ได้มอบหมายให้ พล.ท.สาธิต พิธรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 ดูแล โดยเฉพาะการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามจุดต่างๆ ที่ระบุอยู่ในกำหนดการ โดยภาพรวมในขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจการทำงานของรัฐบาล ตลอดจนเห็นถึงความตั้งใจของนายกฯ ที่จะทำให้ทุกพื้นที่มีความเจริญ คิดว่าการลงพื้นที่ในครั้งนี้ไม่น่ามีปัญหาอะไร ทางกองทัพ ในฐานะฝ่ายความมั่นคงจะดูแลรักษาความปลอดภัยร่วมกับกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จนถึงขณะนี้ยังไม่พบปัญหาใดๆ คาดว่าคงจะได้รับการต้อนรับจากประชาชนด้วยดี เพราะนายกฯจะลงไปดูและช่วยกันแก้ไขปัญหาในพื้นที่ เพื่อรับทราบปัญหาของจังหวัดและภูมิภาคนั้นๆ จะได้ช่วยกันพัฒนาให้มีความเจริญยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่ เพราะเป็นพื้นที่ฐานเสียงของ 2 อดีตนายกรัฐมนตรี อย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ไม่กังวล เพราะที่ผ่านมาทั้งแม่ทัพภาคที่ 3 กระทรวงมหาดไทย และสตช.ก็ช่วยกันดูแลและทำความเข้าใจ ซึ่งก็ไม่ปัญหาอะไร ยกเว้นเพียงคนบางกลุ่ม แต่ขณะนี้มองว่ากลุ่มต่างๆ เหล่านั้นน่าจะเข้าใจ และอยากจะสร้างสรรค์บรรยากาศที่ดีและพัฒนาประเทศให้ดี เพราะถ้าส่วนรวมดีทุกอย่างจะเรียบร้อยไปด้วย ไม่ได้หนักใจ อยากขอให้ประชาชนในพื้นที่ได้ดีใจว่านายกฯ ได้เดินทางลงไปเพื่อจะได้แก้ไขปัญหา
สำหรับข้อเสนอให้นายกฯ บริหารประเทศต่ออีก 2 ปีนั้น ผบ.ทบ.กล่าวว่า เป็นความคิดเห็นของประชาชน นายกฯ คงรับฟังอยู่แล้วเมื่อมีผู้ให้ข้อเสนอมา เป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าทุกคนได้เห็นถึงการทำงานของรัฐบาลและคสช.ที่ทำด้วยความจริงใจจริงจังซึ่งประชาชนคงรับทราบ ตลอดจนถึงความสงบเรียบร้อยที่เกิดขึ้นก็จะเป็นตัวชีวัดได้ว่านอกจากจะทำให้สถานการณ์นิ่งแล้วยังทำให้การพัฒนาในด้านต่างๆ ของกระทรวง ทบวง กรมเดินหน้าไปด้วยดี ส่วนที่มีข้อคิดเห็นว่าจะต้องปฏิรูปในเรื่องต่างๆ ก่อนเลือกตั้งนั้นมีกรอบกติกาที่ระบุอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว และโรดแมปอยู่แล้วซึ่งนายกฯ คงพยายามให้เดินไปตามนั้น แต่หากประชาชนมีข้อเสนออะไรออกมา ท่านก็คงรับฟัง พร้อมทั้งหารือกับส่วนที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการต่อไป
“รัฐบาลและ คสช.มีการประชุมพบปะกันบ่อยครั้ง เราก็จะรับทราบเจตนารมณ์ที่ดีของ นายกฯ ที่พยายามให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไป ส่วนในระหว่างนี้จะมีข้อคิดเห็นอย่างไร ก็รับฟัง ซึ่งทางรัฐบาลคงจะยึดตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวและโรดแมป คสช. แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละช่วงว่า มีเรื่องที่เข้ามาปรับเปลี่ยนสถานการณ์อย่างไรบ้าง ขอให้ทุกคนสบายใจ เพราะในฐานะที่ผมอยู่ในรัฐบาล และเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นกลไกทำงานให้กับรัฐบาลยืนยันว่าเจตนารมณ์ของนายกฯ หรือรัฐบาล ไม่ได้มุ่งหวังจะสืบทอดอำนาจตามที่หลายคนออกมาวิตกกังวล ขอให้มั่นใจว่าเราระมัดระวังในการทำงานและจะทำให้ดีที่สุด”
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเหมือนพายเรือกลับไปที่เดิมหรือไม่ เพราะก่อน คสช.จะเข้ามาบริหารประเทศก็มีการตั้งโจทย์ให้ปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า คงไม่สามารถตอบได้ แต่เรามีโรดแมปและรัฐธรรมนูญชั่วคราวอยู่แล้ว และรัฐบาลก็ตั้งใจทำงาน แต่เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร หรือประชาชนต้องการอะไรก็ต้องรับฟัง