กกต.เดินหน้าส่งเสริมประชาธิปไตยให้ประชาชน ผนึกเครือข่าย 1 ล้าน เผยแพร่ให้ความรู้ประชาธิปไตย
ที่โรงแรมชลจันทร์ พัทยารีสอร์ท อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นายประวิช รัตนเพียร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วม บรรยายถึงเรื่อง “พลเมืองดีวิถีประชาธิปไตย” ว่า หลังจากการควบคุมอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็มีคำถามจากสังคมว่า กกต.ทำงานอะไรในช่วงนี้เพราะไม่มีการเลือกตั้ง ไม่มีคดีสืบสวนสอบสวนแล้ว ที่ผ่านมากรรมการ กกต.ก็เห็นตรงกันและมีข้อสรุปว่า ในระหว่างนี้ กกต.ควรจะเดินหน้างานด้านการส่งเสริมประชาธิปไตยให้แก่ประชาชน เพราะงานด้านนี้ถือเป็นภารกิจที่ควบคู่กับการเลือกตั้งของ กกต.อยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาถูกงานด้านการจัดการเลือกตั้งทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น รวมทั้งการสืบสวนสอบสวนบทบัง ดังนั้นช่วงนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ กกต.จะเดินหน้าในเรื่องดังกล่าว
โดยขณะนี้ กกต.ดำเนินการไปแล้ว มีการร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อปลูกฝังประชาธิปไตยให้แก่นักเรียนผ่านวิชาหน้าที่พลเมือง และใช้ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ประจำอำเภอ เป็นศูนย์เรียนรู้ประชาธิปไตย และจะขยายไปสู่ กศน.ตำบลต่อไป ซึ่งจะทำให้มีศูนย์เรียนรู้ประชาธิปไตย 7,000 แห่งทั่วประเทศ ทำให้มีสมาชิกในเครือข่าย70,000 คน นอกจากนั้นก็ทำหนังสือให้ความรู้เกี่ยวกับวิถีประชาธิปไตยแก่ประชาชนทั่วไป โดยจะสอนเรื่องประชาธิปไตยผ่านเรื่องวิถีชีวิต เรื่องใกล้ตัว เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น
นายประวิชกล่าวอีกว่า ตอนนี้ กกต.ก็จัดเตรียมความร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย โดยจะส่งเสริมการเรียนรู้ประชาธิปไตยผ่านกรรมการหมู่บ้านทั่วประเทศที่มีประมาณ 80,000 หมู่บ้าน จะทำให้มีสมาชิกเครือข่าย 800,000 คน เพื่อนำความรู้ไปเผยแพร่กับชาวบ้าน นอกจากนั้นก็จะมีการประสานงานกับทหารบก โดย กกต.จะให้ความรู้เรื่องประชาธิปไตยแก้บรรดาครูหาร เพื่อให้นำไปเผยแพร่ความรู้แก่กำลังพลใหม่ต่อไป ทั้งนี้ การเดินหน้าให้ความรู้ของเราหากดำเนินการครบถ้วนจะมีสมาชิกเครือข่ายเกือบ 1 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม เราจึงต้องเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไป โดยไม่ต้องสนใจว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะออกมาอย่างไร หรือการเลือกตั้งจะมีรูปแบบอย่างไร เพราะไม่ว่ารัฐธรรมนูญ หรือรูปแบบการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไรแต่คนที่ใช้สิทธิเลือกตั้งยังเป็นคนคนเดิม หากประชาชามีความรู้ มีพื้นฐานเรื่องประชาธิปไตย การเลือกตั้งก็จะมีคุณภาพ ดังนั้น การส่งเสริมประชาธิปไตยเพื่อเปลี่ยนทัศนคติคนจึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งก็จะสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ กกต.ในอีก 5 ปีต่อจากนี้ไปที่ว่า “การเลือกตั้งคุณภาพ โดยพลเมืองคุณภาพ”