คนโคราช เฮ! ครม.เห็นชอบงบกลาง 190 ล้าน ลุย 5 โครงการ 7 กลุ่มเกษตรกร พร้อมให้งบเพิ่มเติม จำนวน 237 ล้านบาท ให้ กทม. จ่ายเบี้ยยังชีพผู้พิการจนครบสิ้นปีงบ 58
วันนี้ (12 พ.ค.) ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. เห็นชอบหลักการแผนงานโครงการตามความต้องการของกลุ่มเกษตรกร 7 กลุ่ม 5 โครงการของจังหวัดนครราชสีมา ที่ขอใช้งบกลางปี 2558 จำนวน 190 ล้านบาท โดยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไปดำเนินการ
นอกจากนี้ ครม. ยังอนุมัติให้กรมชลประทานเข้าไปดำเนินการขุดลอกแหล่งน้ำเพื่อการผลิต 43 แห่งของโครงการ เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งสำริด ในเขตพื้นที่นำร่องระยะสั้น รวมทั้งอนุมัติในหลักการให้โครงการเพิ่มมูลค่ายางพาราตกต่ำของกลุ่มยางพารา ใช้เงินจากงบกลางปี 2558 ถ้าหากไม่สามารถขอกู้เงินจากโครงการสนับสนุนสินเชื่อสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางพารา 5,000 ล้านบาท หรือสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. ได้
“นายกฯ ยังสั่งการให้มีความรอบคอบ เพราะเป็นการใช้จ่ายจากงบกลาง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำชับดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงสนับสนุนความเข้มแข็งของสหกรณ์ และส่งเสริมตลาดสหกรณ์ ร้านค้าสหกรณ์ และร้านค้าชุมชนด้วย”
ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนรัฐบาล รายการสนับสนุนสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้พิการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยจะจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 237 ล้านบาทเศษ ให้แก่กรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อสนับสนุนเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้พิการต่อไป
สืบเนื่องจากเดิมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 57 มีมติอนุมัติให้เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้พิการเป็นเดือนละ 800 บาท/คน จากเดิม 500 บาท/คน โดยให้เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 58 เป็นต้นไป ซึ่ง กทม. ได้เริ่มเบิกจ่ายเบี้ยยังชีพผู้พิการไปแล้วตั้งแต่เดือน ต.ค. 57 จนถึงเดือน ก.พ. 58 คาดว่า จนถึงสิ้นปีงบประมาณ 58 จะต้องใช้งบทั้งสิ้นราว 511 ล้านบาท แต่ก่อนหน้านี้ กทม. ได้รับงบประมาณเพียง 274 ล้านบาท จึงคาดว่าจะใช้ได้ถึงเดือน เม.ย. 58 เท่านั้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมดังกล่าว
รอ.นพ. ยงยุทธ กล่าวว่า ครม. ยังอนุมัติการกู้เงินเพื่อการดำเนินการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ประจำปีงบประมาณ 2558 ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอมาวงเงิน 8,711 ล้านบาท ทั้งนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย จะรับภาระต้นทุนเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ค้ำประกันการกู้เงิน รวมทั้งจะพิจารณารายละเอียด ขั้นตอนการกู้เงินตามความเหมาะสม พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้กับธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย
