xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลเผย 4 ธีมงานผักผลไม้ข้างทำเนียบ โววันแรกขายได้กว่า 5 แสน ชูบาทอ่อนผลดีต่อส่งออก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกรัฐบาล (แฟ้มภาพ)
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โวเทศกาลผัก ผลไม้ ไทยคุณภาพ วันแรกเงินสะพัดเกือบ 5 แสน เผยธีมงานสัปดาห์แรกมะม่วง ถัดไปมี สับปะรด แตงโม ส้มโอ ลิ้นจี่ ตามด้วย ทุเรียน มังคุด ปิดท้าย ผักสด กล้วยหอม ผลไม้แปรรูป ชูบาทอ่อนเป็นผลดีต่อการส่งออก เชื่อสหภาพยุโรปเพิ่มจีดีพีทำผู้ประกอบการไทยได้อานิสงส์

วันนี้ (7 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความสำเร็จของการจัดงาน “เทศกาลผักผลไม้ไทยคุณภาพ” บริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเริ่มขึ้นวานนี้ (6 พ.ค.) เป็นวันแรก มีประชาชนสนใจเยี่ยมชมและซื้อสินค้าคุณภาพดีราคายุติธรรมจากพื้นที่จัดจำหน่ายทั้ง 6 โซนอย่างคึกคัก โดยเฉพาะโซน D ซึ่งจัดจำหน่ายผลไม้สด มียอดขายสูงถึง 207,640 บาท รองลงมาคือโซน C จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผัก/ผลไม้ มียอดจำหน่าย 84,280 บาท ซึ่งการจัดจำหน่ายสินค้าผักผลไม้ในวันแรกมีเงินสะพัด 484,018 บาท และมียอดผู้เข้าชมงาน 4,148 คน

“งานเทศกาลผักผลไม้คุณภาพ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 - 31 พ.ค. 2558 โดยมีร้านจำหน่ายสินค้า 70 บูธ แบ่งเป็น 3 โซน คือ โซนผักและผลไม้ไทยคุณภาพ โซนกิ่งพันธุ์ไม้ผล และโซนผลิตภัณฑ์แปรรูปผักและผลไม้” สำหรับการจัดงานสัปดาห์แรก (6 - 10 พ.ค.) จะเน้นความ “หวานซ่อนเปรี้ยว มะม่วงหลากพันธุ์ อร่อยหลากรส” เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงจินหัว มะม่วงอาร์ทูอีทู, สัปดาห์ที่ 2 (11-17 พ.ค.) “หวานฉ่ำ อร่อยล้ำ สับปะรด แตงโม ส้มโอ ลิ้นจี่”, สัปดาห์ที่ 3 (18-24 พ.ค.) “หอมหวาน สุดยอดราชา ราชินีผลไม้ ทุเรียน มังคุด” เช่น ทุเรียนหลินหลง ทุเรียนพวงมณี ทุเรียนก้านยาว ทุเรียนนกกระจิบ, สัปดาห์ที่ 4 (25-31 พ.ค.) “ใหม่สดปลอดภัย ผักอินทรีย์ กล้วยหอมทองส่งออก ผลไม้แปรรูป” “รัฐบาลจะใช้พื้นที่บริเวณด้านข้างทำเนียบรัฐบาล ริมคลองผดุงกรุงเกษม จัดแสดงและจำหน่ายสินค้าหมุนเวียนสลับกันไป เช่น เดือนมิถุนายน จะจัดงานสปาไทย เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นต้นแบบให้หน่วยงานต่างๆ นำไปขยายผลในแต่ละพื้นที่ ส่งเสริมช่องทางการจำหน่าย เพิ่มมูลค่าสินค้า และประชาสัมพันธ์ให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดโลกตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการที่เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ล่าสุด วานนี้ (6 พ.ค) ปิดตลาดที่ 33.32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ลง 0.25% และการออกมาตรการผ่อนคลายเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเงินบาทที่อ่อนค่าลงดังกล่าว ถือเป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออกของไทย เพราะเงินบาทที่อ่อนค่าจะทำให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันได้ดีขึ้นในตลาดต่างประเทศ และน่าจะทำให้การส่งออกที่ติดลบต่อเนื่องมาหลายเดือนปรับตัวได้ดีขึ้น และเข้าใกล้เป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ประเมินล่าสุดว่าจะมีการขยายตัว 1.2% ในปีนี้ ขณะเดียวกัน มีรายงานล่าสุดว่า คณะกรรมาธิการยุโรป หรือ EC ได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์จีดีพีของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปในปีนี้ จาก 1.7% เป็น 1.8% หลังมีมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินผ่านมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อการส่งออกสินค้าของไทยไปยังตลาดดังกล่าวเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ ได้รับทราบจากนางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ว่า ไทยมีการส่งออกสินค้าไปยังตลาดสหภาพยุโรปในสัดส่วน 9% ของการส่งออกทั้งหมด ซึ่งการที่สหภาพยุโรปมีจีดีพีขยายตัวขึ้นจะทำให้มีความต้องการซื้อสินค้าเพิ่ม และจะทำให้สินค้าส่งออกของไทยได้รับอานิสงส์ด้วย รวมทั้งได้สะท้อนมุมมองของผู้ส่งออกที่ต้องการให้เงินบาทอ่อนค่าลงและมีเสถียรภาพ เพื่อให้สามารถกำหนดต้นทุนได้ชัดเจน


กำลังโหลดความคิดเห็น