เกาะกระแส
00 ก็สมกับเป็นนักกิจกรรมเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ทำอะไรก็ต้องขอให้เป็นข่าวเรียกร้องควาสนใจได้จนนาทีสุดท้าย เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับ "พีชทีวี" ช่องทีวีคนเสื้อแดง ที่มีพวก วีระ(กานต์) มุสิกพงศ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จตุพร พรหมพันธุ์ พวกนี้ไดีมีช่องทางเคลื่อนไหว และแน่นอนว่าทีวีช่องนี้จะเรียกว่าเป็น "สื่อ"ก็ไม่ได้ เพราะไม่ใช่มาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่เจ้าของ มาจนถึงแนวทางคนพวกนี้เป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองล้วนๆ แต่พยายามบอกตัวเองว่าเป็น "สื่อมวลชน"เพียงเพราะได้ถือไมโครโฟน ได้ดำเนินรายการ ได้อ่านข่าวเท่านั้น และจะว่าไปแล้วสาเหตุที่ถูกปิด ถูกเพิกถอนใบอนุญาตก็มาจากสาเหตุการเมืองนั่นแหละ ส่วนจะเป็นการเมืองแบบไหน เชื่อว่าคนในสังคมที่ติดตามคนพวกนี้มานานย่อมเข้าใจดี
00 หากจะย้อนกลับไปอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ พีซทีวี ก็คือ เมื่อสามสี่วันก่อน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(กสท.) ที่มี พอ.นที ศุกุลรัตน์ เป็นประธานได้มีมติและออกคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบกิจการโทรทัศน์ดาวเทียมของบริษัท พีชเทเลวิชั่น จำกัด หรือสั่งปิดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องพีซทีวี นั่นแหละ ด้วยเหตุผลว่าทำผิดซ้ำซาก ทำผิดข้อตกลงที่มีการลงนามรับรองกับไปแล้วหลายรอบ มีการตักเตือน และล่าสุดก็มีการสั่งพักใบอนุญาต 7 วัน และเพิ่งกลับมาออกอากาศอีกครั้งในวันที่ 18 เม.ย.โดย กสท.อ้างว่าไม่มีการแก้ไขปรับปรุงการดำเนินรายการให้ดีขึ้นยังเป็นแบบเดิมจึงมีคำสั่งปิดดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.เป็นต้นมา
00 แม้ว่าจะมีข้อสังเกตเรื่อง "คิวร้อน"ของ "พ่อใหญ่จิ๋ว"ที่จะมาเป็นแขกรับเชิญในรายการและมี จตุพร พรหมพันธุ์ เป็นผู้ดำเนินรายการในวันที่ 29 เม.ย.ก็ตาม ขณะเดียวกันก็พอเข้าใจได้ว่านั่นคือ "ปฏิกิริยาเร่ง"ชั้นดี จนต้องปิดไว้ก่อนหรือเปล่า อาจมองแบบนั้นก็ได้ เพราะขึ้นชื่อว่า พ่อใหญ่จิ๋ว เคลื่อนไหวไปไหนก็ต้องถูกจับตาทุกฝีก้าว และที่ผ่านมาก็มักมีร่องรอยป่วนให้เห็นอยู่เสมอ ส่วนคราวนี้จะเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมหรือเปล่าไม่รู้ แต่มันก็เข้าเค้าเหมือนกัน
00 ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องสังเกตกันก็คือ นี่คือรายการ "ยั่วให้เกิดเรื่อง"หรือเปล่า กับเหตุการณ์ทหาร-ตำรวจยกขบวนกันไปที่สถานีพีซทีวีเพื่อห้ามออกอากาศเทปรายการที่สัมภาษณ์ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มองออกง่ายๆก็คือ"เจตนายั่ว"ชัดเจน เพราะรู้อยู่แล้วว่า กสท.สั่งปิดสถานีไปตั้งแต่วันที่27 เม.ย.แต่ก็ยังมีการดึงดันเปิดเทปรายการดังกล่าว มันก็เหมือนมีเจตนาท้าท้ายให้เกิดเรื่อง เจตนาให้เป็นข่าว สร้างกระแสให้มีความเคลื่อนไหวในหมู่มวลชนของตัวเองหรือเปล่า เพราะรู้อยู่แล้วหากยังดำเนินรายการแบบนี้ต่อไปก็ต้องเป็นแบบนี้ มันก็เหมือนเตรียมตัวล่วงหน้าว่าต้องไป แต่ก่อนไปก็ขอ "สักที"ก่อนจะเก็บฉาก เอาให้คุ้มค่าอะไรประมาณนั้น !!
00 นาทีนี้ฟันธงได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ได้เลยว่า จะต้องมีรายการ "ทำประชามติ"ก่อนบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่แน่นอน หลังจากมากันแบบเป็นขั้นเป็นตอนตั้งแต่ ประธานกมธ.ยกร่างฯ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่หนุนให้ทำและแย้มว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็น่าจะเห็นด้วย ก็เป็นไปตามคาดหลังจากก่อนหน้านี้ เขาได้สงวนท่าที แต่เมื่อถึงคราวที่ต้องพูดก็บอกว่า แล้วแต่ สปช.และวงนอกจะเห็นอย่างไร พูดแบบนี้มันก็แหงอยู่แล้ว ดังนั้นขั้นตอนต่อไปก็คือต้องมีการเสนอแก้ไข รธน.ฉบับชั่วคราวให้มีการลงประชามติ เมื่อเป็นแบบนี้ก็จะทำให้การเลือกตั้งต้องล่าช้าออกไปอีกไม่น้อยกว่า 3 เดือน เอาเป็นว่าถึงปลายปี 59 โน่นแหละ แฮ่ม !! ทีนี้ นายกฯลุงตู่ ก็มีเวลาเดินหน้าปฏิรูปมากขึ้นด้วยนะ !!
