“บิ๊กตู่” สั่ง มท.-คลังไปดูข้อมูลให้ชัด ก่อนโยกข้าราชการ มท.-คลัง ด้าน มท.1 ยันไม่มีรายชื่อโยกย้ายบิ๊ก มท.ตามที่เป็นข่าว “พล.อ.ไพบูลย์” รอถาม 4 หน่วยงานก่อน อุบฟันล็อตสองบิ๊ก ขรก.ต่อจากบิ๊ก ศธ. ด้านนายกฯ รับนั่งหัวโต๊ะเอง จับตา “คตร.” ฟัน “คุรุสภา-สกสค.-องค์การค้า” พุธนี้
วันนี้ (20 เม.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการโยกย้ายข้าราชการว่า อย่าเพิ่งไปสนใจมากนัก ตนได้รวบรวมจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องของการตรวจสอบ หลายอันได้มีการชี้มูลความผิดแล้ว ที่เหลือจะอยู่ในขั้นตอนของการไต่สวนบ้าง ในกระบวนการของการพิจารณาบ้าง เราต้องให้ความเป็นธรรมและมีความละเอียดอ่อนในการทำงาน หากยังไม่จบสิ้นคดีความก็เป็นปัญหาต่อไปในอนาคต และจะทำให้เกิดปัญหาตามกันไปหมด แต่ตนไม่ละเว้นไว้อยู่แล้ว ฉะนั้นต้องมองที่ตนเคยพูดไว้ตั้งแต่แรกว่าการที่จะใช้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการกับใครก็ตาม ต้องมีหลักฐานที่ครบถ้วนบริบูรณ์ ให้มีโอกาสในการชี้แจง ในกระบวนการยุติธรรมมีอยู่แล้ว ที่ผ่านมามีปัญหาตรงที่ไม่ถูกนำเข้ากระบวนการ และพอเข้าสู่กระบวนการก็ไม่ได้รับการยอมรับ กลายเป็นว่ารังแกกัน ตนจะไม่ให้เกิดเรื่องเหล่านั้น ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกคน
ส่วนเหตุผลการโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ นายกฯ กล่าวว่า อันนั้นเป็นส่วนที่ได้รับการร้องเรียนมามาก ข้าราชการสี่ห้าคนของกระทรวงศึกษาธิการที่ถูกย้ายไม่เกี่ยว ไม่มีความผิดอะไร ตนปรับเพื่อความเหมาะสม เพราะต้องการปฏิรูป เขายังไม่มีความผิดอะไร และตนก็สามารถที่จะปรับย้ายข้าราชการได้ตามความเหมาะสม และก็ไม่ได้ปรับโดยเอาคนของตัวเองไปใส่ เมื่อถามว่าจะกระทบต่อขวัญและกำลังใจของข้าราชการหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่กระทบ เพราะเท่าที่คุยกับ รมว.ศึกษาธิการก็ไม่เห็นจะมีอะไร แฮปปี้ดี และปลัดกระทรวงก็เคยอยู่ที่สภาการศึกษามาก่อน เป็นการหมุนไปธรรมดา ไม่ได้มีความผิดอะไร
ทั้งนี้จะมีกระทรวงไหนอีกที่จะต้องมีการปรับย้ายข้าราชการเพื่อประสิทธิภาพ นายกฯ กล่าวว่า เวลานี้ยัง ต้องรอให้เจ้ากระทรวงรายงานขึ้นมา ส่วนกระแสข่าวการปรับย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงการคลังนั้น ในที่ประชุม ครม.วันนี้ไม่ได้มีการพูดกัน
ส่วนจะมีการปรับย้ายข้าราชการกรมที่ดินหรือไม่ ที่เอื้อประโยชน์ให้เกิดการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของกรมที่ดินต้องดู เพราะเวลานี้กำลังสอบสวนอยู่ ซึ่งต้องย้อนไปหลายกรม หลายอธิบดี ทั้งเรื่องการออกโฉนด น.ส.3 โดยวันนี้ต้องทำ2 อย่าง คือ คนที่เข้ามาซื้อสิทธิการครอบครองพื้นที่ และคิดว่าถูกต้องก็มี เพราะมีโฉนด มี น.ส.3 ก. มีเอกสารถูกต้องครบทุกประการ ขณะเดียวกัน ได้ลงทุนเป็นพันล้านทำให้เชื่อมั่นว่าถูกต้องจึงตัดสินใจซื้อ ดังนั้นต้องไปดูหากผิดแล้วเอกสารเหล่านั้นออกมาได้อย่างไร ต้องย้อนไปหลายส่วน ทั้งในส่วนของกรมที่ดินและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกฎหมายเรื่องที่ดิน เรื่องผังเมือง บางทีออกมาที่หลัง การประกาศพื้นที่ป่าบางพื้นที่ก็ออกมาที่หลัง ซึ่งวันนี้มีปัญหาหลายพื้นที่
กรณีหากพบว่าข้าราชการในอดีตที่เกษียณอายุราชการไปแล้วมีส่วนเกี่ยวข้อง จะยังสามารถเอาผิดได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าผิดก็ต้องผิด ตราบใดที่คดียังไม่หมดอายุความ ถึงใครก็ลงโทษหมด จะย้อนไปถึงไหนก็แล้วแต่
“พล.อ.ไพบูลย์” รอถามหน่วยงาน อุบฟันล็อต 2 ต่อจาก ศธ.
ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ว่าทาง ศอตช.ต้องเข้ามาดูการทุจริตใน ศธ.หรือไม่ ต้องไปถาม 4 หน่วยงานหลักคือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ที่ทำเรื่องนี้ก่อน ตนยังไม่รู้ว่ามีการทุจริตหรือไม่ และทุจริตเรื่องอะไร ต้องรอถามก่อนว่ามีมูลอะไรหรือไม่ จะให้มาพูดโดยไม่มีหลักฐานไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะเสียหาย
กรณีนี้ ที่ผ่านมาเคยมีการร้องเรียนการทุจริตใน ศธ.เข้าไปที่ ศอตช.บ้างหรือไม่ รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า ตรงนี้คือ สิ่งที่ตนจะต้องถามเขา เพราะบางทีเขาไม่ได้ชี้แจงให้ตนทราบทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องที่สำเร็จแล้ว ซึ่งจะเกี่ยวกับการบริหารงานหรือไม่ตนไม่ทราบ ต้องถาม รมว.ศธ.เมื่อถามว่า ในส่วนของการดำเนินการกับข้าราชการที่พัวพันการทุจริตจะมีล็อตสองอีกหรือไม่ รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า ยังไม่รู้ ขึ้นอยู่กับ 4 หน่วยงานที่จะส่งเรื่องมา แต่ตนได้ย้ำไปแล้วว่า ถ้ามีให้ส่งมาเรื่อยๆ
คตร.นัดพุธนี้ ถกสอบคุรุสภา-สกสค.-องค์การค้าฯ
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) กล่าวว่า คตร.มีข้อมูลอยู่บ้างแล้วในเบื้องต้น และกำลังศึกษารายละเอียดอยู่ แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะต้องเข้าไปตรวจสอบเรื่องใดเป็นพิเศษ ดังนั้น คตร.จะมีการประชุมกันในวันที่ 22 เม.ย.นี้ ที่ห้องประชุมภายในกองบัญชาการกองทัพบก เพื่อศึกษาข้อมูลต่างๆและกำหนดเรื่องที่เราจะเข้าไปตรวจสอบใน 3 องค์กรนี้ รวมถึงพิจารณาว่าจะต้องมีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องจากกระทรวงศึกษามาชี้แจงให้ข้อมูลด้วยหรือไม่
ด้านนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวว่า ในเวลา 09.00 น.วันที่ 22 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) จะเป็นประธานการประชุมคตช. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
ยังไม่โยก “บิ๊ก มท.-คลัง” สั่งเจ้ากระทรวงสอบละเอียด
อีกด้าน กระแสข่าวที่กระทรวงหาดไทยจะนำเสนอบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในตำแหน่งอธิบดี และผู้ว่าราชการจังหวัด เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ในวันนี้ยังไม่มีการนำเสนอรายชื่อบุคคลใดเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ซึ่งนายกรัฐมนตรีระบุเพียงแต่ว่าการโยกย้ายข้าราชการให้เป็นไปตามขั้นตอนปกติ คือช่วงปลาย เม.ย.นี้
ก่อนหน้านั้นมีกระแสข่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ได้รับบัญชีรายชื่อข้าราชการระดับสูงจากหน่วยทหารในระดับ ผบ.พล-ผบ.พันในพื้นที่ต่างๆ ที่เป็นคณะทำงานติดตามผลงานฝ่ายประเมินการทำงานในช่วง 6 เดือนของกระทรวงมหาดไทย โดยมีรายชื่อของนายศิริพงษ์ ห่านตระกูล อธิบดีกรมที่ดิน นายวัลลภ พริ้งพงษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และนายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ที่จะเกษียณราชการในปี 58 นี้ และเหลืออายุราชการอีกเพียง 6 เดือนเท่านั้น
รายงานระบุว่า ในส่วนกระทรวงการคลัง นายกฯ ขอให้นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ไปดูรายละเอียดในการโยกย้ายผู้บริหารระดับอธิบดีกรม รวมถึงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ที่จะเกษียณอายุราชการในปีงบประมาณ 2558 รวมถึงผู้ที่จะมานั่งตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังแทนนายรังสรรค์ โดยมีชื่อนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ที่จะโยกกลับมาจากปลัดกระทรวงพลังงาน และนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง