รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยันคงกฎอัยการศึกเพื่อป้องกันเหตุร้าย และควบคุมคนคิดร้าย ไม่กระทบสุจริตชน ชี้ 6 เดือนหลังปี 2557 นักท่องเที่ยวเพิ่ม 16% ลั่นเจ้าหน้าที่ใช้เท่าที่จำเป็น ไม่ได้สร้างความอึดอัดต่อผู้บริสุทธิ์
วันนี้ (22 มี.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ อาจมีความพยายามจะเชื่อมโยงเรื่องกฎอัยการศึกเป็นส่วนหนึ่งของการละเมิดสิทธิมนุษยชนว่า กฎอัยการศึกมีไว้เพื่อป้องกันเหตุร้าย และควบคุมคนคิดร้ายซึ่งนอกจากจะไม่กระทบต่อการดำเนินชีวิตของสุจริตชนแล้วยังช่วยสร้างความมั่นใจในด้านความปลอดภัยให้กับทุกคนในประเทศไทย
ทั้งนี้ ข้อมูลที่สะท้อนให้เห็นเด่นชัดที่สุดประการหนึ่ง คือ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในช่วง 6 เดือนแรกของ ปี 2557 ซึ่งเป็นช่วงที่บ้านเมืองมีเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมือง มีการก่อเหตุ การปะทะ การสร้างสถานการณ์ต่างๆ มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวน 11.47 ล้านคน ขณะที่ 6 เดือนหลังของปี 2557 หรือตั้งแต่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ล้านคน เป็น 13.30 ล้านคน หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 16%
“รายได้จากการท่องเที่ยวถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประเทศ เพราะติดเป็นเม็ดเงินที่เข้าประเทศประมาณ 10% ของจีดีพี ดังนั้นจึงอยากทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายว่า กฎอัยการศึกยังคงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประเทศภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน เพราะเป็นมาตรการที่เป็นคุณต่อประเทศโดยรวม อีกทั้งเจ้าหน้าที่รัฐก็ควบคุมและบังคับใช้กฎอย่างระมัดระวัง และเท่าที่จำเป็น ไม่ได้สร้างความรู้สึกอึดอัดต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์แต่อย่างใด” พล.ต.สรรเสริญกล่าว
