ผ่าประเด็นร้อน
หากสังเกตให้ดีจะพบว่าในช่วงหลังๆ มานี้ ได้เห็นอารมณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด นั่นคือมีความ “นิ่ง” มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการเปลี่ยนแปลงบุคลิกใหม่แทบจะเป็นคนละคน นั่นคือจากคนที่มีเคยพูดจาดุดัน มีอารมณ์เครียด หลุดคำพูดแบบไม่พอใจกับสื่อหลายครั้ง แต่มาวันนี้กลายเป็น “หนังคนละม้วน” เป็นบุคลิกใหม่ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน เฮฮา ปล่อยมุกแทรกเข้ามาได้ตลอดเวลา
ซึ่งบุคลิกและอารมณ์ขันดังกล่าวเริ่มเห็นได้ชัดเจนขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างการไปกล่าวบรรยายหรือจะเรียกว่าไปปาฐกถาที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในคราวนั้นมีการพูดถึงเรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพของรัฐวิสาหกิจ มีการยกตัวอย่างเรื่องการบินไทย เช่น การเสิร์ฟอาหารบนเครื่องบิน เรื่องพนักงานต้อนรับ เป็นต้น มีการยกตัวอย่างเปรียบเทียบชนิดที่เรียกว่า “เห็นภาพ” ที่สำคัญเรียกเสียงฮากันเป็นระยะชนิดที่เรียกว่าใกล้เคียงกับ “ทอล์กโชว์” หรือเดี่ยวไมโครโฟนกันเลยทีเดียว
มีการพัฒนาการพูดที่แฝงมาด้วยการริเริ่มโครงการออกมาอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่น โครงการตลาดน้ำข้างทำเนียบรัฐบาลในคลองผดุงกรุงเกษม จากตลาดนัดกล้วยไม้วิถีไทย มาเป็นข้าววิถีไทย เพิ่มกิจกรรมการแจวเรือจ้างในคลอง เพิ่มบรรยากาศการท่องเที่ยว สร้างรายได้กับชาวบ้าน เป็นต้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 มีนาคม นายกรัฐมนตรีคนนี้ก็ได้สร้างเซอร์ไพรส์ใหม่ด้วยการขึ้นนั่งควบมอเตอร์ไซค์แบบบิ๊กไบค์ขี่วนรอบทำเนียบรัฐบาล เรียกเสียงฮือฮาจากสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่านี่ต้องเป็นภาพที่ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์และเป็นภาพเด่นของสื่อทุกแขนง เป็นสีสันในทางบวก เป็นภาพที่ออกมาในแบบเบาๆ มีแต่คนสนใจ
หากจะกล่าวว่านี่คือบุคลิกใหม่ของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สะท้อนออกมาให้สังคมได้เห็น อาจเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขาก็ได้ ดังที่เคยย้ำก่อนหน้านี้แล้วว่า “ที่จริงผมเป็นคนมีอารมณ์ขันนะ” อยากให้ทุกคนได้หัวเราะ เพียงแต่ว่าที่ผ่านมามันถูกกลบด้วยท่าทีและคำพูดที่ดุดันฉุนเฉียวออกสื่ออยู่ทุกวัน ทำให้ภาพลักษณ์อันเข้มงวดของทหารบดบังความคิดและความตั้งใจหลายอย่างที่พยายามเข็ญออกมาอย่างต่อเนื่องให้ด้อยลงไป
อย่างไรก็ดี การปรับเปลี่ยนที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่ที่ลงมาร่วมรับประทานอาหารในโรงอาหารที่ทำเนียบรัฐบาลเหมือนกับ นักข่าว ข้าราชการชั้นผู้น้อย ภาพที่ออกมาก็ดูดีและติดดิน ซึ่งในทางการเมืองก็ถือว่าใช้ได้
นอกเหนือไปจากนี้ภาพลักษณ์แบบนี้หากพิจารณาเปรียบเทียบให้เห็นก็คงคุ้นๆ กับการ “สร้างกระแสกับมวลชน” เหมือนกับที่ ทักษิณ ชินวัตร เคยทำมาตลอดในช่วงที่เคยอยู่ในอำนาจ ทำได้แม้กระทั่งกางเต็นท์นอนกลางดินกินกลางทราย นุ่งผ้าขาวม้าทอดไข่เจียว พบปะกับชาวบ้านระดับรากหญ้าที่เป็นฐานมวลชนขนาดใหญ่ที่สุด แต่นั่นเป็นการออกแบบมาล่วงหน้า เพื่อสร้างภาพติดดินหาความนิยมทางการเมือง ซึ่งได้ผลดีเป็นภาพลักษณ์ติดตัวหากินได้มาถึงวันนี้
แต่สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจไม่ได้วางแผนล่วงหน้า หรือหวังผลทางการเมืองกันขนาดนั้น เพียงแต่ว่านี่คือการปรับตัวใหม่ เพื่อให้เข้ากับความรู้สึกเป็นตัวตนของตัวเองแบบนี้ก็เป็นได้ เหมือนกับที่เคยย้ำว่า “ที่จริงเขาเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน” แต่ก็นั่นแหละจะด้วยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าบุคลิกแบบนี้มันสร้างสีสัน สร้างความประทับใจได้ดี อีกทั้งเมื่อมีการประกอบการนำเสนอความคิดใหม่ ทำงานฉับไว ก็เป็นการสร้างผลงานเป็นที่จดจำได้ดีกว่า
ขณะเดียวกัน ด้วยลุคใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากทำได้อย่างกลมกลืนต่อไปเรื่อยๆ สร้างความประทับใจพร้อมๆ กับผลงานใหม่ออกมาให้เห็นความคืบหน้า โดยเฉพาะหากการแก้ปัญหาเรื่องปากท้องให้เห็นภาพชัดเจนกว่าเดิม และเมื่อมาพิจารณาประกอบกับผลโพลที่ออกมาอย่างต่อเนื่องยังให้คะแนน พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง มันก็น่าคิด
น่าคิดเหมือนกันว่า อาจมีเสียงเรียกร้องที่ดังขึ้นให้ เขาอยู่ต่อไป อีกพักหนึ่ง มันก็เป็นไปได้เหมือนกัน เพราะหากพิจารณาจากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลังยกร่างเปิดทางให้นายกรัฐมนตรีมาจากคนนอกได้ มันอาจมีผลถึงอนาคตข้างหน้าก็ได้ แม้ว่าที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแสดงท่าทีค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าเมื่อเสร็จภารกิจสำคัญนี้แล้วจะกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวก็ตาม แต่ถ้ามีข้อมูลใหม่และด้วยข้ออ้างเหตุผลเพื่อความเหมาะสมล่ะ มันเป็นไปได้หรือไม่ น่าคิดเหมือนกัน!!