“ประยุทธ์” ให้รอสำนักงานพุทธศาสนาฯ ดำเนินการ “ธัมมชโย” เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเป็นปาราชิก ตามลิขิตสมเด็จพระสังฆราช ฉะสื่อสุมไฟ เร่งรัดทั้งที่หน่วยงานเกี่ยวข้องกำลังดำเนินการอยู่ พร้อมประชดนักข่าวจี้ถามเป็นประธาน คสช. ใช้อำนาจอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ “ยิ่งลักษณ์” ไปนอกได้เลย ทำไม่ต้องไปถามอัยการฯ ถ้าใช้อำนาจได้ทุกอย่าง งัดสั่งปิดสื่อ จับคนผิดยิงเป้าเลยหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการการศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พิจารณาตามลิขิต สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ลงวันที่ 26 เมษายน 2542 ที่ระบุว่าพระเทพญาณมหามุนี หรือหลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นปาราชิก ขาดจากความเป็นภิกษุว่า ต้องดูว่ามติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าอย่างไร ขณะนี้ก็ต้องรอให้ทางคณะกรรมการของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้พิจารณาเสนอเรื่องขึ้นมา และไม่จำเป็นจะต้องเร่งถาม เพราะเขามีขั้นตอนในการดำเนินการอยู่แล้ว
“สื่อก็มาถามให้ผมเร่งไปถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ เร่งกันเข้ามา สุมไฟกันเข้าไปทุกๆ เรื่องปัญหาเต็มไปหมด ไปถามรัฐบาลก่อนหน้าผมบ้างว่าทำไมถึงไม่ทำ มติที่ออกมาตั้งแต่เมื่อไร ตั้งแต่ปี 2542 ใช่หรือไม่ เป็นรัฐบาลชุดไหน ไปถามดูว่าทำไมถึงไม่ทำ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณาโดยรับเรื่องมาทั้งหมดเดี๋ยวก็คงค่อยดำเนินการไปทีละขั้นตอน”
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีที่อัยการสูงสุด (อสส.) ทำเรื่องส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เอาผิดต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในคดีโครงการรับจำนำข้าวว่า เรื่องนี้ต้องรอดูอัยการสูงสุดก่อนเขาว่าอย่างไร
ส่วนที่อัยการสูงสุดระบุว่าในเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้เป็นเรื่องการพิจารณาของ คสช.นั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทางอัยการสูงสุดก็ทำหนังสือเสนอกลับมาทุกครั้ง ซึ่งตนก็ถามกลับไปว่าการไปต่างประเทศจะมีผลอะไรหรือไม่ ทางอัยการสูงสุดก็จะตอบกลับมาว่าขอร้องให้หยุดไปก่อนในช่วงนี้ในระหว่างการดำเนินคดี เอกสารก็มีชัดเจน ไม่เคยเห็นกันหรืออย่างไร “แล้วทั้งหมดจะมาบอกว่าเป็นอำนาจของ คสช. ถ้า คสช.อนุญาตไปแล้ว แล้วเกิดเขาไม่อยู่จะทำอย่างไร คสช.ก็ผิดอีก โธ่เอ๊ย มันก็มาลงที่ผมทั้งหมดแหละ”
เมื่อผู้สื่อข่าวระบุว่าก็เมื่อท่านเป็นนายกฯ ก็ต้องตัดสินใจ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “เพราะผมเป็นนายกฯ เหรอ งั้นผมใช้อำนาจ คสช.ทุกอย่างเอาไหมเล่า จะใช้อำนาจในทุกมาตราเอาหรือไม่ ปิดสื่อทุกสื่อ อำนาจผมมีขนาดนั้น ผิดจับมายิงเป้าได้เลย แต่ผมก็ยังไม่ได้ทำสักอัน”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 1/2558 ว่าตั้งแต่มี คสช.มาเรารับทุกเรื่องเข้ามาแก้ปัญหาทั้งการค้า การอุตสาหกรรม เศรษฐกิจ เอสเอ็มอี มาพูดคุยถึงปัญหาทั้งหมด ซึ่งรับการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพมาโดยตลอด โดยเราได้ขับเคลื่อนในบางเรื่องต้องแก้ไขกฏหมาย บางเรื่องต้องจัดตั้งคณะทำงานใหม่ขึ้นมา โดยการประชุมวันนี้เป็นการพูดคุยในหลายเรื่อง โดยเรื่องหลักๆ คือ ภาคเอกชนต้องการปรับปรุงเรื่องวีซ่า ขั้นตอนติดต่อราชการ เราทำมาโดยตลอด โดยได้สรุปว่าที่ผ่านมามีความก้าวหน้าแค่ไหน แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่บ้าง โดยที่ประชุมได้มีการอนุมัติการดำเนินการไปทั้งหมด บางอย่างก็ตั้งคณะกรรมการเพิ่ม
นอกจากนี้ยังมีเรื่องสำคัญคือการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันที่ต้องสรุปให้ชัดเจนขึ้นซึ่งได้เดินหน้ามาตลอดอยู่แล้ว แต่บางอย่างภาคเอกชนยังไม่ทราบ ตนจึงให้ทุกกระทรวงไปสร้างการรับรู้ให้มากขึ้น ในหลายเรื่องที่ได้แก้ไขไปแล้ว รวมถึงยังอยู่ในขั้นตอนเหล่านี้ต้องใจเย็นนิดหนึ่ง
ทั้งนี้ ถือว่าการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมที่มีประโยชน์ที่ต้องขับเคลื่อนร่วมกัน หากเป็นประเทศที่เข้มแข็งอยู่แล้ว รัฐจะเป็นฝ่ายสนับสนุนและอำนวยการ ส่วนการขับเคลื่อนนั้นภาคเอกชนจะเป็นหลัก ซึ่งตนมีแนวคิดที่จะเดินหน้าแบบนั้นอยู่แล้ว ด้วยการดึงเอกชนมามีส่วนร่วมให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสาธารณูปโภค กองทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ส่วนเรื่องการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมก็ได้พัฒนามาโดยตลอดอยู่แล้ว