ผบ.ทบ.ไม่ห่วงกลุ่มเคลื่อนไหวป้อง “ยิ่งลักษณ์” เชื่อไม่มีปัญหา เตือนต้องอยู่ในกรอบกกฎหมาย ย้ำการลงมติถอดถอน สนช.จะเป็นผู้พิจารณาอย่างอิสระ พร้อมส่งทหารชุดปฏิบัติการด้านกิจการพลเรือน ลงพื้นที่ตามบัญชา “ประยุทธ์” เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนให้ยอมรับสิ่งที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันจะชี้แจงถึงงานและนโยบายของรัฐบาลกับ คสช. ส่วนการเยือนกัมพูชา เพื่อหารือความร่วมมือชายแดน ชวนลงทุนเขตเศรษฐกิจชายแดนบูรพา สระแก้ว
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชาระหว่างวันนี้ ถึง 22 มกราคมถึงกรณีที่กลุ่มผู้สนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอาจออกมาเคลี่อนไหวกดดันสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในการลงมติถอดถอนคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวว่า ไม่เป็นห่วง ฝ่ายความมั่นคงติดตามสถานการณ์อยู่ คงเป็นความคิดเห็นแต่ละส่วน แต่การเคลื่อนไหวอย่าให้เกินไปกว่ากรอบกฎหมายที่ได้ประกาศอยู่ และคงจะต้องดูความถูกต้องตามเหตุผลข้อมูลที่จะชี้แจงกันไป ขอร้องว่าทุกคนต้องอยู่ในกรอบกติกา และฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน เหตุผลใครผิดหรือถูกก็คงจะต้องว่ากันไปตามนั้น และคงเป็นอิสระของ สนช.จะเป็นผู้พิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องเตือนกลุ่มที่เคลื่อนไหวไม่ให้ออกมาหรือไม่ เพราะเป็นช่วงของการประกาศกฎอัยการศึก พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ทุกคนคงจะรับทราบอยู่แล้ว ตนคิดว่าคงจะเรียบร้อย คิดว่าไม่มีอะไร กลุ่มและฝ่ายต่างๆ สามารถแสดงความคิดเห็นได้ในกรอบ แต่อย่าให้อยู่นอกกรอบกฎหมาย การสัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นได้ แต่อย่าเกินกว่ากรอบ ถ้าเกินกว่ากรอบก็คงไม่ปล่อยให้ทำเช่นนั้น
ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.จะให้ทหารออกไปชี้แจงทำความเข้าใจหลังมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวนั้น พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า อยู่ที่เหตุผลและความเป็นจริงที่ผ่านมา การทำความเข้าใจคงเป็นการทำตามหน้าที่ที่ทำอยู่ปัจจุบัน และในเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการต่างๆ อยู่ ทั้งเรื่องสังคม เศรษฐกิจ กฎหมาย เมื่อ คสช.รับทราบ หน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง และทางทหาร ซึ่งเรามีกำลังพลกระจายอยู่ในพื้นที่ทั่วไป ก็ไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับแผนงาน โครงการ และนโยบายที่ดีๆ ให้ประชาชนรับทราบ สิ่งใดที่เป็นเรื่องที่รัฐบาลปฏิบัติและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนเราก็จะพยายามทำความเข้าใจในทุกด้าน ในเรื่องการเมืองก็คงเป็นการทำความเข้าใจให้ทุกคนต้องเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะให้ทหารลงในพื้นที่อยู่กับชาวบ้านเพื่อทำความเข้าใจ หรือส่งทีมเข้าไปชี้แจง พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า เป็นการทำความเข้าใจอย่างที่ตนพูด แต่เรื่องความผิดถูกของกฎหมายเราไม่ได้ไปยุ่งตรงนั้น ทำความเข้าใจเรื่องงานของ คสช. และรัฐบาลที่จะปฏิบัติอะไรบ้างที่ปฏิบัติต่อประชาชนซึ่งต้องบอกให้ได้รับทราบบ้าง หรือหากไม่เข้าใจหรือมีปัญหาอะไร ประชาชนก็สามารถเข้าไปที่ศูนย์ดำรงธรรมได้ และทหารที่ลงไปในพื้นที่เรามีชุดปฏิบัติการด้านกิจการพลเรือน (ชป.กร.) ลงไปทำหน้าที่ตรงนี้
พล.อ.อุดมเดชยังกล่าวถึงการเดินทางเยือนกัมพูชาครั้งนี้ด้วยว่า เป็นไปตามคำเชิญของ พล.อ.เมี๊ยะ โซ เพียะ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (รอง ผบ.สส) และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กัมพูชา พร้อมเข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.เตีย บัญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา และ พล.อ.โปล ซะ เรือน ผบ.สส.กัมพูชาด้วย โดยคณะของไทยประกอบด้วย พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง แม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งรับผิดชอบชายแดนประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ เน้นการยกระดับความสัมพันธ์ทางด้านการทหารให้มีความแนบแน่นมากยิ่งขึ้น
พร้อมกันนั้นจะมีการหารือถึงการปฏิบัติงานร่วมกันของกองกำลังทหารสองประเทศให้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการลาดตระเวนเพื่อดูแลแก้ไขปัญหาการลับลอบนำเข้าสิ่งผิดกฎหมาย ทั้งการตัดไม้ทำลายป่า ผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การลักลอบนำเข้ายาเสพติด รวมถึงการชพัฒนาให้เกิดความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยการสานต่อโครงการหมู่บ้านชายแดนคู่ขนานซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. และตนมีแนวความคิดในการขยายพื้นที่ในส่วนของอำเภอที่มีโครงการดังกล่าวมากพอสมควร ยกระดับเป็นอำเภอเข้มแข็งคู่ขนานต่อไป ส่งผลให้เป็นตัวอย่างที่ดีในการส่งเสริมซึ่งกันและกันในการแลกเปลี่ยนการสร้างพื้นฐานความเป็นอยู่ให้ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงความร่วมมือในการดูแลสิ่งที่ผิดกฎหมายร่วมกันด้วย
“นอกจากนั้นยังเป็นเรื่องการสนองนโยบายของรัฐบาลในการเปิดพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งรัฐบาลได้เปิดพื้นที่บริเวณจังหวัดสระแก้วก็จะได้เชิญชวนให้ทางกัมพูชาสนับสนุนร่วมมือกันเพื่อให้เกิดความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนในสองประเทศ ที่ผ่านมาคณะกรรมการระดับต่างๆ ก็มีการหารือกันอยู่แล้ว ทั้งในกรอบของคณะกรรมาธิการปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา รวมถึงคณะกรรมาธิการส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา ที่ผ่านมามีการพูดคุยเพื่อหยุดยั้งปัญหาที่จะเกิดขึ้นซึ่งก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย"
สำหรับปัญหาที่กัมพูชาได้สร้างถนนที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ซึ่งอยู่ในบริเวณสันปันน้ำนั้น พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการทำงานร่วมกัน หลังจากมีความไม่เข้าใจในระดับล่าง แต่ก็แก้ไขปัญหากันด้วยดี ตรงนี้ถือเป็นพื้นที่ที่ต้องรอ และได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ หรือ เอ็มโอยู กันไว้แล้ว เมื่อเกิดปัญหาการรายงานขึ้นมาตามลำดับ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้รายงานขึ้นมาให้ทราบและตนก็ได้รายงานให้หน่วยเหนือทราบซึ่งมีการประสานงานกันระดับสูง และสามารถคลี่คลายปัญหาไปได้ ไม่มีการปฏิบัติการทหารทหาร
อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ที่ยังไม่มีความชัดเจนทางฝั่งกัมพูชาก็ปฏิบัติตามด้วยดี แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์และความร่วมมืออย่างดีในระดับสูง ทั้งนี้ ไม่มีหัวข้อการหารือเรื่องการปักปันเขตแดนเพราะเรามีคณะกรรมการโดยเฉพาะที่ทำงานเรื่องนี้อยู่แล้ว