xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ลั่นไม่มีใครโง่โกงเงิน 7 ล้าน ค่าสติกเกอร์ไลน์ - ร่อนหนังสือแจงความผิดแก๊งหมิ่นสถาบัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี (ภาพจากแฟ้ม)
นายกฯ ให้เวลา ครม. 3 เดือน เร่งผลงาน ย้ำอย่าเสียสมาธิกับร่างรัฐธรรมนูญ เปรยไม่พอใจตัวเลขอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ กำชับแก้ปัญหาค้ามนุษย์ แจงยุทธศาสตร์ลดอันดับพ้นเทียร์ 3 เผยไม่ใช้อำนาจ คสช. สั่งคิดค่าโทรศัพท์มือถือ ชี้หน้าที่ กสทช. วางกติกาให้เป็นที่ยอมรับ ลั่นไม่มีใครโง่โกงเงินทำสติกเกอร์ไลน์ 7 ล้าน ขี้ปะติ๋ว แจงโครงการรถไฟไทย-จีน อยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการ 3 ส่วน ย้ำไม่ใช่เรื่องง่าย เดินหน้าชงกฎหมายตั้งกระทรวงดิจิตอล สั่งร่อนหนังสือแจงความผิด “ตั้ง อาชีวะ” ผู้ต้องหาหมิ่นสถาบัน

วันนี้ (6 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุม ครม. ครั้งแรกของปี 2558 ตนเร่งรัดในการขับเคลื่อนงานทางยุทธศาสตร์ เช่น การบริหารจัดการน้ำ การสาธารณูปโภค แก้ปัญหาการค้ามนุษย์ การประมง เป็นเรื่องที่ต้องทำให้เสร็จภายใน 1 ปี วันนี้อย่าลืมว่าประเทศชาติเดินหน้าไปตลอดทุกนาทีทุกวินาที งานขับเคลื่อนทุกอย่างมันเดินไปพร้อมๆ กันทั้งหมด ตนจะกำชับให้รวดเร็วให้มากยิ่งขึ้น โดยสั่งตั้งคณะกรรมขับเคลื่อน และเร่งรัดให้คณะอนุกรรมการต่างๆ ทั้งหมดให้เร็วขึ้น ส่วนเรื่องการทำงานของ สนช. และ สปช. ที่ได้รายงานในที่ประชุมนั้น ตนก็ให้เวลาไป 3 เดือนว่าให้ลองเริ่มคิดเริ่มทำกำหนดหัวข้อได้ออกมาวันนี้ออกมาแล้วมี 22 คณะ ได้กำหนดว่า 3 เดือนต่อไปต้องการอะไร คือ ขับเคลื่อนให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็วภายใน 1 ปี ให้ได้ และระยะยาวจะมีการส่งต่องานอะไร เช่น การปรับโครงสร้างกระทรวง ตำรวจ และพิจารณากฎหมายที่ยังไม่สมบูรณ์ให้สมบูรณ์เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนที่เดือดร้อนโดยเร็ว

ทั้งนี้ วันนี้การปฏิรูปจะเกิดโดย 3 กลุ่มด้วยกัน คือ 1. รัฐบาล คสช. ข้าราชการ 2. จากประชาชนที่ได้รับฟังความเห็นมา และ 3. สปช. ที่ได้กำหนดหัวข้อออกมาโดยทั้งหมดจะนำมารวมกลุ่มใหม่ผ่านกระบวนการเข้าสู่กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญต่อไป อย่างไรก็ตาม อย่าไปให้ความสำคัญกับกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญอย่างเดียว เพราะเป็นเรื่องของการเลือกตั้ง หรือการบริหารราชการแผ่นดินระยะต่อไป อยากให้ทุกคนสนใจว่าวันนี้ สนช.ออกกฎหมายอะไรบ้างมีผลโดยรวมกับสังคมอย่างไร จะมีทั้งคนได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เพราะการออกกฎหมายต้องใช้เวลา ซึ่งรัฐบาลจะดูแลทั้งผู้เสียประโยชน์และได้ประโยชน์ โดยเฉพาะเรื่องหนี้สาธารณะ หนี้บุคคล หนี้ครัวเรือน ที่ต้องดูแลทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ด้วย ภาษีที่ดิน รวมทั้งกระบวนการยุติธรรมต่างๆ ดังนั้น ทุกคนต้องเข้าใจว่าเราบริหารราชการกันอย่างไร ถ้าจะให้ทุกคนได้หมดคงเป็นไปไม่ได้ ได้ชี้แจงไปแล้วว่า 3 เดือนต่อไปต้องมีอะไรออกมาชัดเจน ทั้งหมดต้องเสร็จสิ้นภายใน 1 ปีให้ได้ วันนี้อะไรทำก่อนได้ทำทันทีโดยรัฐบาล และให้มีผลสัมฤทธิ์ 1 ปี โดย สนช.ตามโรดแมป ส่วนการทำให้เกิดความยั่งยืนเป็นเรื่องของรัฐบาลใหม่จะรับไป ถ้าจะไม่ให้เสียเปล่ามันต้องส่งต่อให้ได้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทั้งหมด โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงต่างๆ ที่ทุกคนได้ร่วมกันทำหน้าที่ให้คนไทย มีความสุขในช่วงปีใหม่ ในการเดินทางไปหาครอบครัว ไปท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลยังพอใจ แม้จะมีสถิติการสูญเสียลดลงจำนวนมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ จึงอยากให้เกิดอุบัติเหตุน้อยที่สุด หรือไม่เกิดขึ้น โดยวันนี้ตนได้สั่งการไปแล้วว่าจากนี้ไปสรุปมาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดในพื้นที่ตรงไหน อย่างไร สาเหตุเกิดจากอะไร

โดยสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุคร่าวๆ นั้น เกิดจากการดื่มสุราแล้วขับรถเหมือนเดิม และเกิดเหตุในถนนที่ไม่ใช่สายหลักเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นประเด็นเดิมๆ ในทุกครั้งที่มีการเดินทาง ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เดี๋ยวจะหามาตรการอย่างอื่นต่อไป โดยสิ่งสำคัญต้องไปดูว่าตรงไหนที่มีการจราจรเป็นปัญหา ถนนไม่ได้มาตรฐาน หรือการอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ตนถือว่าครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทุกคน ตำรวจ ทหาร ข้าราชการ อาสาสมัคร ได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ ในการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ทั้งนี้ ขอยินดีกับทุกคนที่ผ่านวันขึ้นปีใหม่มาโดยสวัสดิภาพ ส่วนผู้ที่สูญเสียก็ขอแสดงความเสียใจ และเป็นบทเรียนว่า ต่อไปต้องระมัดระวังคนในครอบครัว ต้องกำชับการขับรถให้ดี

ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว ตนได้รับฟังสรุปตัวเลขการท่องเที่ยวว่าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในช่วงปีใหม่ ซึ่งที่ผ่านมามีวันหยุดราชการหลายวัน จึงอยากให้เปรียบว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 กับ ปี 2556 ว่าต่างกันหรือไม่ ปรากฏว่าต่างกันโดยปี 2557 สูงขึ้น ส่วนการท่องเที่ยวในปี 2558 นี้ เราได้กำหนดให้การท่องเที่ยวเป็นลักษณะเป็นกลุ่มขึ้นมา เช่น กลุ่มเชิงวัฒนธรรม เชิงสุขภาพ และอื่นๆ ประมาณ 12 กลุ่ม ซึ่งจะมีการสร้างความรับรู้ต่อไปในส่วนของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยเราจะมีการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย ซึ่งก็ลองดูว่าเมื่อเราจัดกลุ่มควบคุมทั้งเรื่องมัคคุเทศน์ ความปลอดภัย การจราจร ตัวเลขการท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นหรือไม่

“ผมคิดว่าสถานการณ์บ้านเราขณะนี้อยู่ในความสงบพอสมควร ถ้าเราดูแลเรื่องการท่องเที่ยวได้และ สร้างคุณค่าของการท่องเที่ยวในประเทศให้นักท่องเที่ยวได้อะไรกลับไป วันนี้เราต้องแข่งขันในเชิงการท่องเที่ยวมากขึ้น ในภูมิภาคอาเซียน อย่างไรก็ตามเราก็ไม่ทิ้งประเทศเพื่อนบ้านด้วย เพราะเราจะเป็นประชาคมอาเซียน ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ระยะยาวในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ หลังไทยถูกจัดอยู่ระดับเทียร์ 3 ในรายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกา ว่า ได้กำชับในที่ประชุม ครม. เรื่องการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ เพื่อให้สังคมเห็นถึงการดำเนินงานของรัฐบาล วันนี้เราได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูทั้งหมด 23 หัวข้อ ที่เขาประเมินและเตือนเรามาหลายปี ตั้งแต่ระดับเทียร์ 1 ขึ้นมาเทียร์ 2 จนถึงเทียร์ 3 ซึ่งรัฐบาลเข้ามาหลังจากเป็นเทียร์ 3 แล้ว และเขาตีเส้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เราจึงต้องย้อนกลับมาดูว่า 23 ข้อที่เขาประเมินเกิดจากอะไร และต้องมาตามแก้ทั้ง 23 ข้อ และตอนนี้ไม่ใช่แค่ปัญหาค้ามนุษย์อย่างเดียว ยังมีปัญหาทาส ขอทาน โสเภณี เจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องกับผู้นำพาไปยังเรือประมง มีการใช้แรงงานในเรือประมง และแรงงานเด็ก ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องมีการแก้มาโดยทุกรัฐบาล วันนี้รัฐบาลนี้นำมาขับเคลื่อน ทำใหม่ทั้งหมด ถามว่าก่อนหน้านี้นำมาจดทะเบียนแรงงาน ทำได้ไหม ก็ยังไม่ได้ แต่นี่เป็นสิ่งที่ตนทำ คิดว่ามันยากหรือง่าย ถามว่ากี่รัฐบาลมาแล้วทำได้ไหม ก็ทำไม่ได้ แต่เราเข้ามา 3 เดือน คสช.เราทำได้

นายกฯ กล่าวต่อว่า ขณะนี้คณะกรรมการกำลังไล่ทำทั้งเรื่องการค้ามนุษย์ กฎหมายกำลังจะเข้า สนช. เรื่องแรงงานทาส แรงงานจะต้องไม่ใช่อายุ 15 ปี ต้องอายุ 18 ปี กฎหมายเหล่านี้ไม่มี และไม่เคยออกได้เลย วันนี้เราออกกฎหมายเหล่านี้มา อย่างน้อยเราสามารถตอบคำถามใน 23 ข้อได้ คือ 1. เรามีกฎหมาย 2. เรามีเจ้าหน้าที่ หน่วยงาน มีการบูรณาการระหว่างกระทรวง วันนี้มีคณะกรรมการขับเคลื่อนเรื่องการค้ามนุษย์ และการประมงที่ตนเป็นประธาน ตนจะต้องเป็นคนดำเนินการงานเหล่านี้ ตั้งอนุกรรมการเรื่องการค้ามนุษย์ แรงงานทาสผู้หญิง เด็กขอทาน โสเภณี ขับเคลื่อนทั้งหมด และคนที่ทำงานไม่ใช่กระทรวงไหน ทั้งหมดจะต้องเอาแผนงานไปขับเคลื่อน ตำรวจ ทหาร คสช. กระทรวงแรงงาน เจ้าหน้าที่ ทุกคนทำงานทั้งหมด อย่างนี้เขาเรียกว่าทำงานบริหารราชการแผ่นดิน ส่วนเรื่องเรือประมงกำลังเร่งอยู่ ยังจดทะเบียนเรือประมงไม่ได้ แต่จะต้องจดให้ได้ เรือประมงไปจับปลาที่ไหนเราต้องรู้ เพราะถ้าเราถูกเขาตัดสิทธิ์เราจะเดือดร้อน และจะมาโวยวายว่าเศรษฐกิจไม่ดี เพราะไม่มีการปูพื้นฐานที่ดีมาเลย ซึ่งตนกำลังแก้และจะทำให้ดีขึ้น นี่คือยุทธศาสตร์ ที่จะต้องไปพร้อมการปฏิบัติ

ผู้สื่อข่าวถามว่าล่าสุดที่จับชาวโรฮิงญาได้ที่ จ.พังงา มีแนวทางป้องกันอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ก็จับมาตลอด และจะทำยังไงกับเขา การป้องกันต้องเริ่มที่ต้นทาง ที่บังกลาเทศเขามีศูนย์อพยพชาวโรฮิงญาอยู่ในประเทศ ในเมืองหลวงเขามีเป็นแสนคน เป็นคนยากจนในประเทศของเขา ทุกวันนี้คนเหล่านี้ก็พยายามจะหนีออกนอกประเทศ เพื่อมาหางานทำ เราจึงต้องควบคุมดูแลที่ต้นทาง ส่วนที่ประเทศเมียนมาร์มีปัญหาชนกลุ่มน้อย เขายอมรับในสัญชาติของคนเหล่านี้หรือยัง จึงทำให้คนเหล่านี้ต้องหลบหนีเพื่อไปสู่ที่ดีกว่า เราจึงต้องดูแลในฐานะสิทธิมนุษยชน แต่ถ้าเรารับคนเหล่านี้มากๆ ดำเนินคดีมากๆ เขาก็จะอยู่ในเมืองไทย และมีประเทศไหนรับไปบ้างไหม ถ้าทุกคนบอกว่านี่เป็นสิทธิมนุษยชนและมีประเทศไหนที่จะรับช่วยเราบ้าง ก็ไม่มี ถ้าเรามองในแง่สิทธิมนุษยชนนั้นใช่ แต่ถ้าเขาอยากจะไปไหนเราก็อำนวยความสะดวกให้ ไม่ใช่ไปเข่นฆ่าเขา แต่ถ้าเอาเขามาติดคุกก็ต้องเลี้ยงดูเขาไปเรื่อยๆ เขากินอยู่ก็ลำบาก ตอนนี้ต้องเดินหน้าทุกทาง ต่างประเทศก็ต้องเดิน ต้นทางจะรับกลับหรือไม่ก็เป็นปัญหาหมด

เมื่อถามว่า ปัญหาดังกล่าวโยงเรื่องการค้ามนุษย์หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า พวกนี้ผิดกฎหมายค้ามนุษย์ทั้งนั้น ไปรับเงินเขามา เพื่อเอาออกนอกประเทศ ต่อมาค้าขายแรงงาน นี่คือขบวนการค้ามนุษย์ ต้องดำเนินคดีทั้งหมด อันไหนคือแรงงาน ก็ต้องดำเนินคดี น่าสงสารคนจน แต่ตนที่ไปค้าขายกับเขา ต้องมีสถิติ มีการจับกุมดำเนินคดีให้เจ้าหน้าที่รัฐ ต้องจับให้หมด เมื่อถามว่า ห่วงเรื่องดังกล่าวจะกระทบกับการจัดอันดับเทียร์ที่เราจะทำให้ดีขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ดีขึ้นแล้ว ในเมื่อเราทำมันก็ต้องดีขึ้น จะไปกระทบเทียร์ 3 ได้ยังไง ต้องควบคุมกลุ่มคนเหล่านี้ให้ได้ถูกต้อง เข้าช่องทางที่ถูกต้อง มารับจ้างแรงงานถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าลักลอบผิดกฎหมาย คนเหล่านี้ก็ถูกนำมาบังคับใช้แรงงาน ไม่จ่ายค่าแรง ค่าจ้าง เพราะหลบหนีเข้ามา แต่ถ้าเรานำมาขึ้นทะเบียนทั้งหมดให้ถูกต้องได้ก็จบ เทียร์ 3 ก็ลดระดับได้ ให้มองในมุมแบบนี้ อย่าไปมองมุมอื่น นี่คือกฎหมาย

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการกำหนดหลักเกณฑ์ให้ผู้ประกอบการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่คิดค่าบริการเป็นนาที โดยปัดเศษวินาทีเป็นนาทีว่า ตนยังไม่เห็นทุกเรื่อง แต่จะส่ง คสช. แล้วจะให้ คสช. ทำอะไร ใช้มาตรา 44 หรือต้องไปหาคำตอบให้ได้ว่าอะไรที่เป็นเรื่องของกลไกปกติก็ต้องทำให้ได้ ไม่ใช่อะไรก็ คสช. คสช.บอกแล้วว่าใช้เท่าที่จำเป็น ใช้ในเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคง สงบเรียบร้อย แต่นี่เป็นเรื่องเศรษฐกิจ ต้องไปหามา สั่งวันนี้ วันหน้าก็ต้องแก้อีก กสทช.จึงต้องไปหากติกามา

เมื่อถามว่า แสดงว่าต้องรอไปก่อนใช่ นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ตอบ จะรอหรือไม่ก็ต้องไปหาวิธีการมา แต่เห็นว่ากระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารก็ต้องทำได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างหารือ แต่ที่ผ่านมาทำไมไม่ฟ้องรัฐบาลเก่า รัฐบาลเดิม ก็เห็นใช้กันโคมๆ ประหยัดกันเสียบ้าง เลิกใช้ก็เบาลง เลิกไลน์อะไรบ้าง ไร้สาระ แต่เรื่องนี้ กสทช.จะต้องเข้าไปดำเนินการเพราะเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้อยู่แล้ว ถ้ามีเรื่องเหล่านี้ กสทช. ก็ต้องเข้าไปแก้ ได้หรือไม่ได้ก็ไปว่ามา เข้า ครม. กฎหมายจะว่าอย่างไรก็ว่ามา พอเราเข้ามาแก้ปัญหาก็จะเอาทุกเรื่อง แต่วันหน้าก็มีปัญหา จึงต้องได้รับการยอมรับทุกเรื่อง ถ้าไม่ผิดก็ไม่ผิด

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงข้อวิจารณ์การใช้งบประมาณในการจัดทำสติกเกอร์ไลน์ค่านิยม 12 ประการ ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนว่าราคาดังกล่าวแพงเกินไปหรือไม่ วันนี้ต้องดูว่าเทคโนโลยีเหล่านี้มันแพงหรือไม่ ต้องใช้อะไร ใช้กับคนจำนวนเท่าไหร่ คุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งตนก็ไม่รู้ จะต้องไปดู ตนไม่ได้เป็นคนไปทำสัญญา

เมื่อถามว่า อาจจะไม่ใช่วงเงิน 10 ล้านหรือร้อยล้าน แต่ก่อนหน้านี้ก็มีกรณีไมโครโฟนในห้องประชุม ครม.ที่ราคาสูง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “แล้วมันควรจะเท่าไหร่ ต้องไปดูว่าสิ่งที่เขาทำตั้งใจหรือไม่ ตั้งใจทำเพื่ออะไร กระบวนการเป็นอย่างไร มันผิดหรือถูก ต้องไปดูแบบนี้ ผมคิดว่าเขาคงไม่โง่เพื่อจะเอาเงิน 7 ล้านมาวันนี้ ผมคิดอย่างนั้น แต่ถ้าเขาผิดก็ลงโทษมา ผมว่าไอเงินขี้ปะติ๋ว 7 ล้านปัดโธ่ ถ้ามันโง่โกงเงิน 7 ล้าน มันโง่ วันนี้บ้านเมือง รัฐบาลเป็นอย่างนี้ แล้วยังโกง ผมว่าไปดูเจตนาเขาต้องไปดู”

เมื่อถามว่ามั่นใจ วันนี้เรื่องเหล่านี้เล็กก็ไม่ได้ บาทหนึ่งก็ไม่ได้ ก็ต้องไปสอบกันมาวันนี้ตนต้องรับผิดชอบงบประมาณหลายแสนล้าน อนุมัติไปแล้ว ถ้าไปโกงกันข้างล่างก็ต้องไปตามจิกอีก และก็มาไล่ตนอีกว่าทุจริตกันหรือไม่ แค่นี้ก็เหนื่อยแย่แล้ว กว่าจะคิด จะสั่ง ทำนโยบายแผนงาน โครงการบูรณาการงานทุกกระทรวงมันเหนื่อย แต่ก็ต้องทำ แต่ถามว่าจะป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่นั้นอยู่ที่จิตใจคน ต้องไปดู ตรวจสอบมา อย่าไปมองว่าแย่กันทั้งหมด มันไม่ได้ คนดีก็เสียใจ คนไม่ดีก็ไม่ได้เดือดร้อน ต้องหาหลักฐานให้ชัดเจนว่ามีการโกง รับเงิน ให้มาฟ้องตน ตนจะปลดเดี๋ยวนี้เลย ใช้อำนาจที่มีอยู่ทางการปกครองสั่งการ อย่างไปเขียนให้เสียหายเรื่อยเปื่อยไม่ได้ ถ้ามองคนเลวทั้งหมดหรือดีทั้งหมดไม่ได้ ให้เป็นความเป็นธรรมกับเขา ให้กระบวนการพิสูจน์มา อย่าไปตัดสินตัวเอง อย่าตัดสินให้คนอื่น ทำตัวเองให้ดีที่สุด อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ไปเดือดร้อนคนอื่น

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการลงนามความร่วมมือโครงการรถไฟฟ้าระหว่างไทย-จีน ว่า ยังไม่มีการตกลงกัน ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องการวางเงินลงทุนแต่อย่างใด แต่ในการตกลงเป็นการร่วมมือกันและได้หารือกันในชั้นต้นว่าจะตั้งคณะกรรมการมาศึกษาใน 3 เรื่อง ได้แก่ การลงทุน การสำรวจ ก่อสร้างและการบริหารว่าจะดำเนินการอย่างไร จะลงทุนร่วม สัมปทานหรือปันผล แต่เบื้องต้นเชื่อว่าจะเป็นการลงทุนร่วม โดยจีนอาจจะลงทุนมากกว่าเพราะไทยไม่มีเงินลงทุนมากนัก ยืนยันว่าจะไม่เสียประโยชน์ นอกจากนี้ประเทศอื่นๆ ก็ยังมีอีกหลายเส้นทางที่จะมาร่วมกับไทยได้ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น แต่ปัญหาคือเราจะมีเงินหรือไม่ วันนี้ที่มีการเริ่มในเส้นทางดังกล่าวเพราะเป็นแผนในอาเซียนอยู่แล้วที่กำหนดไว้เดิมจึงเกิดขึ้นได้ และจะมีการเชื่อมโยงกันต่อไป ถ้าตรงไหนไทยมีงบประมาณก็ไปร่วมประมูลและสร้างขึ้นมาให้ได้ เพราะวันนี้ไม่ใช่รถไฟเท่านั้น มีรถไฟทางคู่ รถไฟทางเดิม รถไฟฟ้าอีก 10 สาย

อย่างไรก็ตาม ไทยมีการตั้งคณะกรรมการไว้แล้ว มีทั้งระดับนโยบาย ระดับบริหารและระดับผู้ปฏิบัติ มี รมว.คมนาคมเป็นประธานอนุกรรมการในส่วนนี้ ไปคุยทั้งการลงทุน การสำรวจ ซึ่งบางเส้นทางก็มีประชานชนเข้าไปบุกรุกเส้นทางรถไฟก็จำเป็นต้องอพยพคนออก ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย และไทยก็มีเงินลงทุนไม่มาก ก็ต้องใช้ข้าวไปแลก แต่ขณะนี้ก็ยังคงอยู่ในคลัง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการดำเนินการตามแนวทางเศรษฐกิจดิจิตอลของรัฐบาลว่า ที่ประชุม ครม. มีการเสนอกฎหมายมา 3 กลุ่ม จำนวน 9 ฉบับ ทั้งเรื่องการจัดตั้งองค์กร และปรับรูปแบบของกระทรวงเทคโนโลยีสารสน เทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ที่ต้องจัดทำเป็น พ.ร.บ. จากนั้นจะมีการตั้งคณะทำงานให้ขับเคลื่อนโดยเร็วภายในปี 2558 นี้เพราะมีผลเกี่ยวกับเรื่องการประมูลคลื่นความถี่ 4 จี ซึ่งยืนยันว่าเราไม่ต้องการเอื้อประโยชน์ให้ใครทั้งสิ้น และเป็นธรรมดาที่จะต้องมีผลกระทบกับหลายส่วน และที่ผ่านมาเรามีการยกระดับรัฐวิสาหกิจ เช่น ทีโอที แคท (CAT) และปรับรูปแบบการทำงาน กสทช. ให้เป็นที่ยอมรับและมีรายได้เข้ารัฐที่มากขึ้นเพื่อชดเชยรายได้ที่เสียไปกับการอุดหนุนประชาชนที่เดือดร้อน

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายเอกภพ เหลือรา หรือตั้ง อาชีวะ ผู้ต้องคดีกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ยื่นขอสิทธิเป็นพลเมืองของนิวซีแลนด์ว่า ผู้ที่หลบหนีคดีไปอยู่ 7-8 ประเทศ ตนจะให้กระทรวงการต่าง ประเทศทำหนังสือไปชี้แจงทุกประเทศ ส่วนกรณีนายเอกภพ ไม่ใช่ความผิดของเรา เพราะนายเอกภพไปร้องขอกับรัฐบาลนิวซีแลนด์ถ้าเราพูดอะไรก็จะเสียหายกับรัฐบาลนิวซีแลนด์ เพราะเป็นเรื่องสิทธิประชาชนถ้านิวซีแลนด์จะรับก็เป็นเรื่องของนิวซีแลนด์ แต่เราจะไปบอกเขาว่านายเอกภพกระทำความผิดอยู่ ถ้านิวซีแลนด์จะให้สิทธิต่อนายเอกภพก็เป็นเรื่องของเขา

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการชี้แจงความผิดของผู้ที่หลบหนีไปยังต่างประเทศอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ต้องบอกเขาเพราะเขาไม่เข้าใจและคิดไปว่าเป็นเรื่องการเมืองบ้างอะไรบ้าง มันใช่การเมืองไหม แล้วเราไปลงโทษได้หรือถ้ากระทำความผิดทางการเมือง ผมยังไม่เคยลงโทษใครในความผิดเกี่ยวกับการเมืองสักเรื่อง ที่หนีกันหัวซุกหัวซุนนั้นเป็นเรื่องอาญาหรือเปล่า ไม่มีการเมือง”

เมื่อถามว่า ใน 7-8 ประเทศที่ผู้ต้องหากลุ่มนี้หลบหนีไปอยู่มีกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็มีแต่เขาไม่ส่ง เป็นธรรมดา ที่จะส่งบ้างไม่ส่งบ้าง แต่ที่ผ่านมาไม่เคยส่ง โดยเฉพาะคดีที่บ้านเขามีกฎหมายเพราะเขาไม่เข้าใจถึงสถานภาพความเดือดร้อนของเรา สิ่งที่เราทำนั้นก็เพื่อให้เข้าใจว่าเราได้ดำเนินการ”


กำลังโหลดความคิดเห็น