รมต.สำนักนายกฯ บรรยายความสำคัญสถาบันกษัตริย์ ในโอกาสเปิดให้ยุวโฆษกพบ ชี้คนไทยอยู่ใต้พระบารมีเดียวกัน เลิกแตกแยก ต้องซื่อสัตย์ ไม่โต้คนตำหนิผลตรวจข้าว มุ่งทำงานไม่ยุ่งเรื่องการเมือง ยกมาตรฐาน พณ.ข้าวผ่านแค่ 12.23% ตัดพ้อทำเพื่อรายได้เข้าชาติเพื่อเกษตรกร ไม่แคล้วโดนตำหนิ
วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกฯ เปิดโอกาสให้คณะเยาวชนในโครงการยุวโฆษก รุ่นที่ 8 เข้าพบพร้อมบรรยายพิเศษเรื่อง “ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์” ในตอนหนึ่งว่า เราเป็นคนไทยด้วยกัน ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหนก็เป็นคนไทยภายใต้ร่มพระบารมีเดียวกัน เรารักจังหวัดของเราได้ แต่เราต้องรักประเทศไทยยิ่งกว่า อย่าให้การบ้านการเมือง การปกครองมาแบ่งแยกเราเป็นภาคนิยม จังหวัดนิยม เลิกแบ่งพรรคแบ่งพวก แยกเป็นขั้วเป็นสี สังคมต้องซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส พวกเราต้องช่วยกันทุกภาคส่วนเพื่อให้ประเทศไทยกลับมาเป็นประเทศที่มีความสงบสุขและมีความสามัคคีเช่นเดิม
รมต.ประจำสำนักนายกรับมนตรีกล่าวอีกว่า เรื่องที่มีคนออกมาตำหนิการตรวจสอบคุณภาพข้าวนั้น ตนไม่ว่าและจะไม่โต้ไม่ตอบโต้ เพราะตนเป็นข้าราชการประจำ จะไปทะเลาะวิวาทกับใคร หรือโต้ตอบใครไม่ได้ ตนไม่ใช่นักการเมือง และถึงแม้จะสวมหมวกอีกใบหนึ่งแต่แค่ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น และยังเหลือเวลาการทำงานก่อนที่จะเกษียณอายุราชการเพียงแค่อีกปีเศษๆ จะพยายามตั้งใจทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องการบ้านการเมือง ใครจะขัดแย้งกับใคร พรรคไหนกลุ่มไหน ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่วิสัยตน
ม.ล.ปนัดดากล่าวอีกว่า ผลการตรวจสอบข้าวที่ออกมาโดยมีการแบ่งเกรดเอ บี และซี ซึ่งแบ่งตามคุณภาพ แต่หากเราจะเอาตามมาตรฐานของกระทรวงพาณิชย์ล้วนๆ ก็จะผ่านเพียงแค่ 12.23% ส่วนที่เหลือตกหมด ข้าวที่ไม่ผ่านมาตรฐานก็เสียเปล่า นั่นคือความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของเมืองไทย ทั้งหมดเราทำเพื่อช่วยทุเลาให้เป็นรายได้เข้าประเทศ ดีกว่าจะนำไปโยนให้เสียหายทั้งหมด ยังเป็นผลดีต่อพี่น้องเกษตรกร และรายได้ของแผ่นดิน ที่ทำทั้งหมดตนยังไม่แคล้วโดน นี่เค้าเรียกการเมือง ซึ่งตนไม่มีประสบการณ์ ไม่ใช่นักการเมือง
อย่างไรก็ตาม ม.ล.ปนัดดายังได้กล่าวให้โอวาทแก่ยุวโฆษกด้วยว่า ยุวโฆษกคือการนำพาประเทศชาติไปสู่ความร่มเย็นเป็นสุข และเป็นตัวอย่างให้กับประชาชนได้เห็นและรักใคร่สามัคคีกัน เหมือนยุวโฆษกรุ่นที่ผ่านมา ซึ่งตนและยุวโฆษกทุกคนจะทำหน้าที่ไปพร้อมๆ กัน เพื่อฟื้นฟูประเทศโดยยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต