ทบ.ยัน “วีระ” ไม่ได้ถูกจับจุดเดียวกับการตรวจทุ่นระเบิด

โฆษก ทบ.ปฏิเสธทหารกัมพูชาเชิญทหารไทยออกจากพื้นที่ขณะปฏิบัติงานเก็บกู้วัตถุระเบิด อ้างแค่ให้ทำหลักฐานการปฏิบัติงานแจ้งให้หน่วยเหนือรับทราบ พร้อมยัน “วีระ สมความคิด” ไม่ได้ถูกจับจุดเดียวกับการตรวจทุ่นระเบิด ย้ำทหารไทยเข้มแข็ง พร้อมปกป้องอธิปไตย รักษาผลประโยชน์ชาติ

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่มีการโพสต์ข้อความทางสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะ นายวีระ สมความคิด ที่อ้างอิงบทความของ พ.อ.ดร.สุชาติ จันทรวงศ์ หัวหน้าส่วนประสานการปฏิบัติและประเมินผลของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ว่า ทหารกัมพูชาเชิญทหารไทยออกจากพื้นที่ในขณะเข้าปฏิบัติงานเก็บกู้วัตถุระเบิด บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว ว่า น่าจะเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน

ทั้งนี้ ทางคณะตรวจสอบประกันคุณภาพจากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบประกันคุณภาพการปฏิบัติงานเก็บกู้ระเบิดของหน่วยปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ 1 ที่ได้ดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแผนงานประจำปี 2558 บริเวณ บ.หนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นการปฏิบัติร่วมกันระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชาในระดับพื้นที่ตามแนวชายแดน ได้มีการพูดคุย และประสานงานกันของทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ตลอด ไม่ได้มีเหตุการณ์ใดที่ดูผิดปกติไปจากที่เคยปฏิบัติ เมื่อคณะทำงาน พ.อ.ดร.สุชาติ เดินทางมาตรวจสอบประกันคุณภาพ ทางทหารกัมพูชา จึงได้ประสานขอให้ทำหลักฐานแจ้งให้หน่วยเหนือตามสายการบังคับบัญชารับทราบ และดําเนินการไปตามช่องทางส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

ส่วนที่ นายวีระ อ้างว่า พื้นที่ตรวจเยี่ยมของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติเป็นพื้นที่เดียวกับที่ตนเองถูกจับตัวนั้น ยืนยันว่า เป็นคนละพื้นที่กัน เพราะพื้นที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ เดินทางมาตรวจสอบประกันคุณภาพนั้นอยู่บริเวณหลักเขตที่ 48 บ.หนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว สําหรับพื้นที่ที่ นายวีระ ถูกจับตัว เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2553 อยู่บริเวณซุ้มประตูทางเข้าวัดโจ๊กเจีย ประเทศกัมพูชา ซึ่งอยู่บริเวณหลักเขต 47

“การปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนนั้นจะมีการประสานงานกันกับหน่วยทหารของประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง ยืนยันกองกำลังชายแดนของกองทัพบกมีความเข้มแข็ง และพร้อมตลอดเวลาในการดูแลอธิปไตยรักษาผลประโยชน์ของชาติ ควบคู่กับการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างเต็มที่ บนพื้นฐานของการให้เกียรติ และความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน” พ.อ.วินธัย กล่าว