กรรมาธิการยกร่างฯ เริ่มลงรายมาตรา 12 ม.ค. - 3 เม.ย. 58 เผย “บวรศักดิ์” เห็นชอบให้คณะอนุ กมธ.3 ด้าน หารือประธาน สนช. ออกมาตรการปราบปรามการทุจริตที่มีมากขึ้น โดยตั้งศาลคดีวินิจฉัยการคลังและงบประมาณ
นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงว่า คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้เริ่มพิจารณากรอบแนวทางการร่างรัฐธรรมนูญเบื้องต้น ตามที่คณะอนุกรรมาธิการยกร่างฯ ทั้ง 10 คณะ นำเสนอแล้ว โดยจะทำการพิจารณาถึงวันที่ 14 ธ.ค.นี้ และตั้งแต่วันที่ 15-17 ธ.ค. คณะกรรมาธิการยกร่างฯก็จะเข้ารับฟังความคิดเห็นของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) สปช.ก็จะทำการส่งความคิดเห็นและข้อเสนอแนะมายังคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ภายในวันที่ 19 ธ.ค. จากนั้นวันที่ 20-26 ธ.ค. คณะกรรมาธิการยกร่างฯ จะทำการประชุมกำหนดทิศทางเพื่อเริ่มต้นยกร่างรัฐธรรมนูญรายมาตรา ซึ่งได้แต่งตั้งให้คณะอนุกรรมาธิการยกร่างบทบัญญัติรัฐธรรมนูญตามความเห็นของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีนางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ เป็นประธาน นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ และนายดิสทัต โหตระกิตย์ เป็นที่ปรึกษา ส่วนคณะอนุกรรมาธิการส่วนใหญ่ก็จะประกอบด้วยตัวแทนจากคณะกรรมาการกฤษฎีกา
นายคำนูณกล่าวว่า คณะอนุกรรมาธิการฯชุดนางกาญจนา จะยกร่างฯเบื้องต้นควบคู่กับ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญชุดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. - 5 ม.ค. 2558 เพื่อส่งต่อให้คณะอนุกรรมาธิการฯ ทั้ง 10 คณะพิจารณาถึงวันที่ 10 ม.ค. ก่อนส่งให้คณะกรรมาธิการยกร่างฯ พิจารณาในวันที่ 12 ม.ค. เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 3 เม.ย. ก่อนส่งให้ที่ประชุม สปช.พิจารณาในวันที่ 17 เม.ย.ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนด
นายคำนูณกล่าวว่า จากกรณีที่ประเทศไทยเกิดปัญหาการทุจริตจำนวนมากในวงการตำรวจ รวมถึงความคิดที่แตกต่างกันในการส่งฟ้องบางคดี ระหว่าง ป.ป.ช. และอัยการสูงสุด ทำให้ คณะอนุกรรมาธิการ 3 ด้านประกอบด้วย ศาล องค์กรอิสระ และการคลัง ของกรรมาธิการยกร่างฯ ซึ่งผ่านการเห็นชอบจากนายบวรศักดิ์แล้ว พร้อมเห็นว่าควรไปหารือกับนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. เพื่อออกมาตราการและความชัดเจน สำหรับปราบปรามการทุจริต 5 ข้อ เช่น การฟ้องศาลในคดีวินัยการคลังและงบประมาณ ที่ไม่ใช่กระบวนการที่ชัดเจนแบบคดีอาญา แต่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีการทุจริต โดยเห็นว่าควรมีการตั้งศาลขึ้นมาใหม่ เป็นศาลคดีวินัยการคลังและงบประมาณ ซึ่งอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของศาลฎีกาหรือศาลอุทธรณ์ เป็นต้น โดยจะมีการแถลงสรุปความชัดเจนในกรณีดังกล่าวไม่เกินสัปดาห์หน้า