รมต.ประจำสำนักนายกฯ เผยอนุฯ ตรวจสอบข้าวจบภารกิจพร้อมส่งผลสอบให้นายกฯ แล้ว เหลือแค่ผลตรวจดีเอ็นเอจากห้องแล็บ ม.เกษตรฯ ส่วนการตรวจเยี่ยมศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ได้ผลเป็นที่พอใจ ขอบคุณทุกกระทรวงส่ง จนท.ที่สามารถตัดสินใจได้มาปฏิบัติงาน ทำให้การบริการสะดวกขึ้น เล็งชงนายกฯ ทำวันสต็อปเซอร์วิสยาว พบปัญหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องหนี้สิน การประกอบอาชีพ บ้านอยู่ในที่สาธารณะต้องรื้อถอน
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ชั่วคราวของรัฐบาลถึงผลการตรวจสอบสต๊อกข้าวในโครงการรับจำนำข้าวที่นายกรัฐมนตรีออกมาเปิดเผยว่าเสื่อมคุณภาพถึง 70% ว่า ขณะนี้หน้าที่ของคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว และปิดการทำหน้าที่แล้ว ไม่มีบทบาทที่จะมาแถลงบทสรุปอะไรอีก หลังจากที่ส่งรายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กระทรวงพาณิชย์ และคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าว (นบข.) แล้ว ขณะนี้เหลือเพียงผลสรุปการตรวจดีเอ็นเอข้าวจากห้องแล็บที่ทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ยังตรวจสอบไม่เสร็จ หากเสร็จก็จะรีบส่งไปที่กระทรวงพาณิชย์ทันที
ส่วนผลตรวจจากห้องแล็บจะใช้เวลานานแค่ไหนนั้น ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ แต่คิดว่าน่าจะใกล้เสร็จแล้วเพราะทำมานานมากแล้ว เมื่อถามว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ตนไม่สามารถตอบได้ เพราะพ้นหน้าที่ไปแล้ว ทางนายกฯ ในฐานะประธาน นบข.จะเป็นผู้ชี้แจงได้ส่วนที่ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะขอข้อมูลเรื่องนี้จากทางคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐนั้น ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ทราบว่าทาง ป.ป.ช.กำลังทำเรื่องขอรายงานชุดนี้ ซึ่งหากขอมาก็ยินดีส่งให้
ม.ล.ปนัดดายังได้กล่าวถึงการตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ พร้อมนั่งปฏิบัติหน้าที่รับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนด้วยตนเองว่า ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากคุณลุงชาวจังหวัดเชียงใหม่ที่ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินสาธารณะและถูกคำสั่งให้รื้อถอน คุณลุงอาศัยอยู่เพียงคนเดียวและยังไม่มีที่พักใหม่ ขณะเดียวกัน บ้านข้างเคียงกับคุณลุงที่ปลูกอยู่ในที่ดินเดียวกันกลับไม่โดนคำสั่งดังกล่าว จึงมาขอความเมตตาให้รัฐบาลช่วยเหลือ ตนจึงโทรศัพท์ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ให้ตรวจสอบแล้ว รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้เป็นวันที่ 3 ที่เจ้าหน้าที่จาก 20 กระทรวงมาร่วมปฏิบัติหน้าที่ ตนได้สอบถามการทำงานของเจ้าหน้าที่ ว่าแต่ละหน่วยการทำงานมีผลสำเร็จอย่างไร และให้รายงานทุกวัน ทั้งนี้ตนเห็นว่าพื้นที่ให้บริการประชาชนมีค่อนข้างจำกัด และแออัด ทำให้ไม่เพียงพอในให้การบริการ แต่โชคดีที่ทาง ก.พ.ได้อนุญาตให้ขึ้นไปใช้อาคารได้ ในระหว่างรอการปรับปรุงศูนย์บริการประชาชนฝั่งทำเนียบรัฐบาลแล้วเสร็จในช่วงปีใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า เบื้องต้นมีกระทรวงไหนมีข้อร้องเรียนมากที่สุด ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า อันดับที่ 1 กระทรวงยุติธรรม รองลงมากระทรวงมหาดไทย และกระทรวงแรงงาน โดยที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนได้กล่าวขอบคุณปลัดกระทรวงทุกท่านที่ส่งเจ้าหน้าที่ผู้มีความรู้และความชำนาญ สามารถตัดสินใจได้มาปฏิบัติงาน จากการตรวจเยี่ยมก็เห็นเจ้าหน้าที่มีความจริงใจในการช่วยเหลือประชาชนเป็นอย่างมาก
สำหรับปัญหาเรื่องข้อกฎหมายที่พบมาร้องเรียนมากที่สุดคือเรื่องอะไร ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า มีเรื่องหนี้สิน การประกอบอาชีพของประชาชน เรื่องบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ในที่สาธารณะและต้องรื้อถอนออก สำหรับปัญหาส่วนใหญ่ที่มาร้องเรียนจะเป็นปัญหาคล้ายๆ กัน ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญการมาช่วยแล้วก็ทำให้การช่วยเหลือประชาชนดีขึ้น มีความคล่องตัวมากขึ้น และหากการทำงานแบบวันสต็อบเซอร์วิสเป็นผลดี ก็จะเสนอนายกฯให้ทำในระยะยาว เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของศูนย์ดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระทรวงที่มีเรื่องร้องเรียนน้อยที่สุดหรือไม่ ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ก็มี ก็ต้องดูกันไป ถ้าเป็นกระทรวงไหนเขาก็จะรู้ตัวเอง ซึ่งตนคิดว่าอาจเป็นเพราะกระทรวงดังกล่าวสัมผัสกับประชาชนน้อย ทำงานในระบบราชการเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่กระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ถือเป็นเรื่องดีที่มีอาสาสมัครมาช่วยรับเรื่องร้องทุกข์จำนวนมาก กำลังดูสถานที่อยู่ และก็คงต้องมีค่าตอบแทนให้เขาด้วย
