“จอมแฉจำนำข้าว” ทวง “ม.ล.ปนัดดา” แถลงข้อมูลตรวจโกดัง จี้ สนช.เอาให้ชัดถอดถอน

อดีต ส.ส.พิษณุโลก ประชาธิปัตย์ จวก “ลายน้ำเงิน” สักแต่จ้อจำนำข้าว พร้อมทวง “ม.ล.ปนัดดา” เปิดข้อมูลตรวจโกดัง จี้ สนช.เอาให้ชัดถอดถอนได้หรือไม่ ชี้กรณี “ยิ่งลักษณ์” อาจง่ายกว่า

วันนี้ (20 ต.ค.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทยออกมาระบุโครงการรับจำนำข้าวเกิดสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี และไม่ใช่โครงการที่สร้างความเสียหายว่า เป็นการพูดแบบไม่ศึกษารายละเอียดเพราะรัฐบาลอื่นทำโครงการจำนำข้าวไม่ได้กำหนดราคาสูงกว่าตลาดและมีการจำกัดปริมาณรับจำนำซึ่งไม่ได้สร้างความเสียหาย แต่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำหนดราคาสูงกว่าตลาดเป็นการรับซื้อไม่ใช่จำนำ เพราะตั้งแต่เริ่มโครงการปี 2554 จนถึงวันที่โครงการล่มสลาย ไม่เคยมีการไถ่ถอนจำนำ เนื่องจากจำนำสูงกว่าตลาดทุกเม็ดนำไปสู่การทุจริตทุกขั้นตอน สุดท้ายรัฐบาลยิ่งลักษณ์อ้างว่าจะช่วยชาวนาแต่ชาวนาก็ไม่ได้ประโยชน์จริงเป็นการปกปิดการทุจริตของตัวเอง จึงทำให้โครงการจำนำข้าวนำไปสู่ความล่มสลายของระบบเศรษฐกิจถึง 7 แสนล้านบาท

“ผมขอทวงสัญญาจาก ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นประธานตรวจสอบโกดังข้าวซึ่งที่ผ่านมาประชาชนให้ความชื่นชมเนื่องจากมีการเผยแพร่ข้อมูลข้าวเสีย ข้าวหาย ข้าวไร้คุณภาพ เป็นผลงานเอบวก แต่มีการเลื่อนการแถลงมาตลอดตั้งแต่กลางเดือนกันยายนมาจนถึงกลางเดือนตุลาคม ซึ่งผ่านมาแล้วแต่ก็ยังไม่มีการแถลงบทสรุป จึงขอให้เร่งแถลงต่อประชาชนว่าข้าวสูญหายเท่าไหร่ เสื่อมสภาพเท่าไหร่ และกรณีมีการทุจริตตามโกดังต่างๆ รัฐบาลจะดำเนินคดีอย่างไร” นพ.วรงค์กล่าว

นพ.วรงค์ยังเรียกร้องให้ สนช.แสดงท่าทีชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินการถอดถอน เพราะที่ผ่านมาก็บอกว่ามีอำนาจตามรัฐธรรมนูญเนื่องจากทำหน้าที่ ส.ว.ซึ่งถือว่าเป็นอำนาจที่ต้องดำเนินการ จึงต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่าจะดำเนินการหรือไม่ โดยส่วนตัวหวังว่า สนช.จะดำเนินการในเรื่องนี้ แต่การประชุมลับในการพิจารณาสำนวนของนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา ประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญปมที่มา ส.ว.โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทำให้สังคมเกิดความกังขาต่อการทำหน้าที่ของ คสช. จึงขอให้ให้ความชัดเจนด้วยว่าดำเนินการได้หรือไม่อย่างไรเพราะมีข้อถกเถียงว่ารัฐธรรมนูญปี 50 ยกเลิกไปแล้วไม่สามารถดำเนินการต่อได้

ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.ส่งสำนวนถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามความผิดมีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย โดยปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและระบายข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นตามอำนาจหน้าที่น่าจะพิจารณาง่ายกว่าสองสำนวนแรก เนื่องจากเป็นคดีที่เกิดในโครงการรับจำนำข้าวทำผิดกฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ปล่อยให้เกิดความเสียหาย ไม่ใช่แค่ความผิดตามรัฐธรรมนูญปี 50 เท่านั้น จึงไม่น่าจะยาก และไม่น่าจะมีข้อถกเถียงว่าจะรับดำเนินการหรือไม่