สะเก็ดไฟ
เห็นรายชื่อ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แพลมออกมาแล้ว 150 กว่าคน ซึ่งน่าจะเป็นของจริงทั้งหมดนั่นแหละ ขาดไปก็ในส่วนของจังหวัด 77 จังหวัด เมื่อนับรวมแล้ว ก็ราวๆ 230 คน อาจจะตั้งกันเท่านี้ก่อน เหมือนสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ตั้งไม่ครบจำนวนก่อนหน้านี้ เพิ่งมาตั้งเอาทีหลังนี้เอง
ที่แต่งตั้งไม่เต็มจำนวน เผื่อเอาไว้ตกหล่น น่าสนใจว่าเหตุผลที่ไม่เปิดเผยรายชื่อคนเข้ารอบสุดท้าย 50 คน นี่เป็นเพราะเผื่อตกหล่นนี้ไว้หรือไม่ เพราะถ้าเผาทำลายหลักฐาน 50 คนสุดท้ายทิ้งไป ก็จะไปหยิบรายชื่อตั้งแต่แรกที่ยังไม่ได้คัดสรรไว้เลย หรือจาก 7,000 คน นั่นก็ได้
สำหรับรายชื่อที่ออกมาเบื้องต้น ไม่ค่อยโสภาสถาพรเท่าไหร่ คนมีความรู้ความสามารถเหมาะสมในด้านต่างๆ หลายคนไม่ได้รับเลือก แล้วก็อีกแล้ว ทหารตบเท้าเข้ามาทุกด้าน 2 คนบ้าง 3 คนบ้าง ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องในด้านนั้นๆ ไม่รู้จะเอากันมาหมดกองทัพเลยหรืออย่างไร
บางคนถูกเลือกมาเหมาะสมก็กลายเป็นแค่น้ำจิ้ม กับแกล้มบนโต๊ะจีน เช่น รสนา โตสิตระกูล ที่ถูกเลือกมาถูกฝั่งฝาในด้านพลังงาน สุดท้ายก็เพื่อมาเพิ่มรสชาติให้อาหารอร่อยเท่านั้น เพราะเนื้อในคือพวกที่ล็อกเข้ามาแล้ว จัดตั้งกันมาแล้วทั้งนั้น ชื่อของ อลงกรณ์ พลบุตร จากประชาธิปัตย์ นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ก็เช่นเดียวกัน
การแต่งตั้งคนเหล่านี้ก็เพื่อลดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เอามาแซมๆ ไม่ให้ดูน่าเกลียด สุดท้ายเข้าไปก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟอยู่วันยังค่ำ อย่างที่บอกไปส่วนใหญ่ก็เป็นทหาร และอื่นๆ ในเครือข่ายทั้งนั้น
น่าสังเกตอีกอย่างว่ากลุ่ม กปปส. ก็ไม่ค่อยจะได้เป็น สปช. กับเขาเลยเหมือนกัน อย่าง สำราญ รอดเพชร เป็นต้น ทั้งที่เฮโลกันไปสมัครมากมาย แต่ก็ตกรอบแรกไปด้วยซ้ำ ซึ่งก่อนหน้านี้ รายงานข่าวว่า ถ้า กปปส. ได้เป็น สปช. ก็จะทำให้ฝ่าย นปช. หรือคนเสื้อแดง ที่ไม่มาสมัครก่อนหน้านี้อึดอัดใจ ตรงนี้ก็น่าจะเป็นข้ออ้างเรื่องสมานฉันท์ปรองดอง
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเห็นอะไรหลายอย่างชัด กลายเป็นการปฏิรูปวงใน ปฏิรูปกันแบบจัดตั้งวางแผนกันมา ไร้มิติที่แตกต่างหลากหลาย เอาคนดี เด่น ดัง ที่เหมาะสมตรงสายนั้นๆ มาเป็นแค่ผักชีโรยหน้าให้ดูดี น่าสวาปาม แต่ความจริงไม่อร่อยเท่าไหร่หรอก
มิวายคงต้องถูกคนนินทากันทั้งเมือง ไม่ต่างจากการแต่งตั้ง สนช. ที่ผ่านมา มีบทเรียนมาแล้วแต่ก็ไม่เห็นจะใส่ใจ ก็ดันทุรังทำไปใครจะทำไม
ยุคนี้แทนที่จะทำกันแบบอะลุ่มอล่วยอย่างที่พูด เพื่อสร้างบรรยากาศให้บ้านเมืองไปด้วยความสมานฉันท์ แต่กลับตอกย้ำความผูกขาด ชักจูงบ้านเมืองแบบโปลิตบูโร เป็นที่น่าเสียดาย แค่เริ่มต้นก็ดูไม่ค่อยสวยแล้ว
นี่ยังเหลือตัวแทนจากจังหวัดต่างๆ 77 จังหวัด ที่คัดเลือกมาจังหวัดละ 5 คน แล้ว คสช. ก็เลือกมาจังหวัดละ 1 ซึ่งก็ไม่มีการเปิดเผยรายชื่อคนเข้ารอบสุดท้ายเช่นเดียวกัน ฉะนั้น มันก็จะมีรายการหมกเม็ดให้มีเสียงนินทาอีกหรือเปล่า
ก่อนหน้านี้ ออกมาร้องแรกแหกกระเชอกันทั้งเมือง ถึงกระบวนการคัดเลือก สปช. ในส่วนของจังหวัดนี่แหละ ล็อกสเปกกันอุตลุดวุ่นวาย ร้องเรียนขึ้นโรงขึ้นศาลกันไปแล้ว เดี๋ยวเปิดรายชื่อระดับจังหวัดออกมาก็รู้ ไม่ต้องสืบเลยว่าล็อกไม่ล็อก คอการเมืองรู้อยู่แล้ว!!!
เห็นรายชื่อ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แพลมออกมาแล้ว 150 กว่าคน ซึ่งน่าจะเป็นของจริงทั้งหมดนั่นแหละ ขาดไปก็ในส่วนของจังหวัด 77 จังหวัด เมื่อนับรวมแล้ว ก็ราวๆ 230 คน อาจจะตั้งกันเท่านี้ก่อน เหมือนสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ตั้งไม่ครบจำนวนก่อนหน้านี้ เพิ่งมาตั้งเอาทีหลังนี้เอง
ที่แต่งตั้งไม่เต็มจำนวน เผื่อเอาไว้ตกหล่น น่าสนใจว่าเหตุผลที่ไม่เปิดเผยรายชื่อคนเข้ารอบสุดท้าย 50 คน นี่เป็นเพราะเผื่อตกหล่นนี้ไว้หรือไม่ เพราะถ้าเผาทำลายหลักฐาน 50 คนสุดท้ายทิ้งไป ก็จะไปหยิบรายชื่อตั้งแต่แรกที่ยังไม่ได้คัดสรรไว้เลย หรือจาก 7,000 คน นั่นก็ได้
สำหรับรายชื่อที่ออกมาเบื้องต้น ไม่ค่อยโสภาสถาพรเท่าไหร่ คนมีความรู้ความสามารถเหมาะสมในด้านต่างๆ หลายคนไม่ได้รับเลือก แล้วก็อีกแล้ว ทหารตบเท้าเข้ามาทุกด้าน 2 คนบ้าง 3 คนบ้าง ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องในด้านนั้นๆ ไม่รู้จะเอากันมาหมดกองทัพเลยหรืออย่างไร
บางคนถูกเลือกมาเหมาะสมก็กลายเป็นแค่น้ำจิ้ม กับแกล้มบนโต๊ะจีน เช่น รสนา โตสิตระกูล ที่ถูกเลือกมาถูกฝั่งฝาในด้านพลังงาน สุดท้ายก็เพื่อมาเพิ่มรสชาติให้อาหารอร่อยเท่านั้น เพราะเนื้อในคือพวกที่ล็อกเข้ามาแล้ว จัดตั้งกันมาแล้วทั้งนั้น ชื่อของ อลงกรณ์ พลบุตร จากประชาธิปัตย์ นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ก็เช่นเดียวกัน
การแต่งตั้งคนเหล่านี้ก็เพื่อลดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เอามาแซมๆ ไม่ให้ดูน่าเกลียด สุดท้ายเข้าไปก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟอยู่วันยังค่ำ อย่างที่บอกไปส่วนใหญ่ก็เป็นทหาร และอื่นๆ ในเครือข่ายทั้งนั้น
น่าสังเกตอีกอย่างว่ากลุ่ม กปปส. ก็ไม่ค่อยจะได้เป็น สปช. กับเขาเลยเหมือนกัน อย่าง สำราญ รอดเพชร เป็นต้น ทั้งที่เฮโลกันไปสมัครมากมาย แต่ก็ตกรอบแรกไปด้วยซ้ำ ซึ่งก่อนหน้านี้ รายงานข่าวว่า ถ้า กปปส. ได้เป็น สปช. ก็จะทำให้ฝ่าย นปช. หรือคนเสื้อแดง ที่ไม่มาสมัครก่อนหน้านี้อึดอัดใจ ตรงนี้ก็น่าจะเป็นข้ออ้างเรื่องสมานฉันท์ปรองดอง
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเห็นอะไรหลายอย่างชัด กลายเป็นการปฏิรูปวงใน ปฏิรูปกันแบบจัดตั้งวางแผนกันมา ไร้มิติที่แตกต่างหลากหลาย เอาคนดี เด่น ดัง ที่เหมาะสมตรงสายนั้นๆ มาเป็นแค่ผักชีโรยหน้าให้ดูดี น่าสวาปาม แต่ความจริงไม่อร่อยเท่าไหร่หรอก
มิวายคงต้องถูกคนนินทากันทั้งเมือง ไม่ต่างจากการแต่งตั้ง สนช. ที่ผ่านมา มีบทเรียนมาแล้วแต่ก็ไม่เห็นจะใส่ใจ ก็ดันทุรังทำไปใครจะทำไม
ยุคนี้แทนที่จะทำกันแบบอะลุ่มอล่วยอย่างที่พูด เพื่อสร้างบรรยากาศให้บ้านเมืองไปด้วยความสมานฉันท์ แต่กลับตอกย้ำความผูกขาด ชักจูงบ้านเมืองแบบโปลิตบูโร เป็นที่น่าเสียดาย แค่เริ่มต้นก็ดูไม่ค่อยสวยแล้ว
นี่ยังเหลือตัวแทนจากจังหวัดต่างๆ 77 จังหวัด ที่คัดเลือกมาจังหวัดละ 5 คน แล้ว คสช. ก็เลือกมาจังหวัดละ 1 ซึ่งก็ไม่มีการเปิดเผยรายชื่อคนเข้ารอบสุดท้ายเช่นเดียวกัน ฉะนั้น มันก็จะมีรายการหมกเม็ดให้มีเสียงนินทาอีกหรือเปล่า
ก่อนหน้านี้ ออกมาร้องแรกแหกกระเชอกันทั้งเมือง ถึงกระบวนการคัดเลือก สปช. ในส่วนของจังหวัดนี่แหละ ล็อกสเปกกันอุตลุดวุ่นวาย ร้องเรียนขึ้นโรงขึ้นศาลกันไปแล้ว เดี๋ยวเปิดรายชื่อระดับจังหวัดออกมาก็รู้ ไม่ต้องสืบเลยว่าล็อกไม่ล็อก คอการเมืองรู้อยู่แล้ว!!!