อดีตรองหัวหน้า ปชป.จวก “อัยการสูงสุด” ดิ้นยื่นอุทธรณ์คดี “อภิสิทธิ์-สุเทพ” สลายเสื้อแดงปี 53 ชี้ศาลอาญาบอกแล้วไม่ได้อยู่ในอำนาจ แนะควรยุติเรื่องนี้แล้วตีกลับไปที่ดีเอสไอไปสอบสวนใหม่ ไม่ใช่ต่อความยาวสาวความยืด
วันนี้ (25 ก.ย.) นายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) มีคำสั่งให้อุทธรณ์คดีที่ศาลอาญามีคำสั่งให้จำหน่ายคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ออกคำสั่งโดยเจตนาเล็งเห็นผลในการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ว่า ตนไม่เข้าใจเจตนาของ อสส.ที่มีคำสั่งให้อุทธรณ์คดีนี้ เพราะเมื่อศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีนี้ไปแล้ว เนื่องจากพิจารณาแล้วว่าการกระทำของบุคคลทั้งสองเป็นการทำหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีในเวลานั้น ดังนั้นจึงเป็นอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยิ่งปรากฏข้อเท็จจริงใหม่ที่ทางตำรวจจับกลุ่มชายชุดดำที่ใช้อาวุธสงครามในเหตุการณ์ชุมนุมปี 2553 ที่ก่อการร้ายและสร้างสถานการณ์จึงเป็นเรื่องที่ศาลอาญาเห็นว่าไม่อยู่ในอำนาจ
นายถาวรกล่าวต่อว่า อสส.ควรฟังศาล ไม่ใช่ดันทุรัง เพราะศาลย่อมเห็นขอบข่ายอำนาจของคดีของแต่ละศาล อสส.ควรยุติเรื่องนี้โดยส่งคดีกลับไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อให้ดีเอสไอรื้อสำนวนคดีเพื่อสอบสวนใหม่ตามข้อเท็จจริงใหม่ที่ศาลชี้ว่าเป็นการทำหน้าที่ในตำแหน่งหลังจากนั้นจะส่งผลสรุปสำนวนคดีไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาตามกฎหมาย หาก ป.ป.ช.มีความเห็นสมควรสั่งฟ้องก็ส่งให้ อสส.เพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ใช่การต่อความยาวสาวความยืดเช่นนี้ โดย อสส.ควรทบทวนความเห็นในคดีนี้ตามขือเท็จจริงและข้อกฎหมาย
