“ประยุทธ์” นำบิ๊กทหารใน ครม.ร่วมพิธีเทิดเกียรติทหารราบเกษียณ ชมปฏิบัติหน้าที่สมเกียรติราชินีสนามรบ ค้ำชูสถาบัน สร้างประโยชน์ชาติ ยกเป็นวันเกียรติยศ แซวลูกน้องกลับไปดูครอบครัว รักษาสุขภาพ รับตนชอบแหย่ขออย่าบิดเบือน แจง รบ.งานหนัก แต่สู้เต็มที่ จับตาความเจริญกองทัพ ให้ ก.ท่องเที่ยวฯ เสนอตบรางวัลนักกีฬาอินชอนเกมส์ จบงานบินกลับ กทม.ทันที
วันนี้ (24 ก.ย.) ที่ศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานพิธีวันทหารราบและพิธีเทิดเกียรตินายทหารชั้นนายเหล่าทหารราบ ประจำปี 2557 ที่จะเกษียณอายุราชจำนวน 89 นาย โดยมี พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน ในฐานะปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.จิระเดช โมกขะสมิต ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบกที่จะเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือน ก.ย.นี้เข้าร่วมพิธีด้วย นอกจากนี้ยังมีคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพบกและอดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก เช่น พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะรอง ผบ.ทบ. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.อ.อักษรา เกิดผล เสนาธิการทหารบก พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ. พล.อ.วิมล วงศ์วานิช อดีต ผบ.ทบ.มาร่วมพิธีด้วยเช่นกัน โดย พล.อ.ประยุทธ์มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นประธานในพิธีสงฆ์ และมอบสัญลักษณ์เชิดชูเกียรติให้แก่นายทหารราบดีเด่นจำนวน 24 นาย เพื่อยกย่องบุคคลที่มีความประพฤติดี มีความขยันหมั่นเพียร และมีความเสียสละในการปฏิบัติหน้าที่มีความเป็นผู้นำจนได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวให้โอวาทแก่กำลังพลตอนหนึ่งว่า ตนยินดีที่ได้มาร่วมพิธีในวันนี้ รวมถึงได้มีโอกาสรำลึกถึงเกียรติประวัติ วีรกรรม ความกตัญญูของเหล่าทหารราบ และยังได้อยู่ท่ามกลางเพื่อนทหารราบที่ได้ปฏิบัติหน้าที่สมเกียรติแห่งการเป็นราชินีสนามรบ ทั้งนี้ทหารราบมีจิตวิญญาณความเป็นทหารพร้อมสละชีพปกป้องค้ำชูสถาบัน การปฏิบัติภารกิจที่ผ่านมา เพื่อนทหารราบได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง อดทน เสียสละ สร้างคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน แสดงความเป็นเสาหลักให้ประเทศชาติและประชาชน ขอให้ดำรงความมุ่งมั่นอยู่บนพื้นฐานความรักความสามัคคี ตลอดจนใช้ความรู้ความสามารถมาสู่ประเทศชาติต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า วันนี้เป็นวันแห่งเกียรติยศและศักดิ์ศรี ตนไม่ถือว่าเป็นวันอำลาอาลัยเสียใจร้องไห้ แต่เป็นวันที่ภูมิใจที่ต้องดีใจที่ได้รับราชการจนเกษียณฯ จะร้องไห้เสียใจก็ต่อเมื่อสูญเสียลูกน้อง ไม่ใช่วันอำลาตำแหน่ง เนื่องจากตั้งแต่รับราชการวันแรกก็รู้วันเกษียณ แม้จะอำลาการเป็นทหารราบในวันนี้ แต่ตัวก็เป็นทหารราบตลอดไปชีวิต ความเป็นเพื่อน พี่น้องของทหารจะเป็นไปจนตลอดชีวิตไม่มีวันจบสิ้น ขอให้ทุกคนรักและผูกพันกันมากๆ มีปัญหาขอให้พูดกัน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หน้าที่ของทุกคนคือรักษาทรัพยากรของกองทัพบกให้นายทหารรุ่นต่อไปรับไปบริหารให้เกิดความทันสมัยและพัฒนาให้ยั่งยืนต่อไป ช่วง 4 ปีที่เป็น ผบ.ทบ.ถือว่าได้ทำงานเต็มที่ มีทั้งผิดและถูก รวมถึงการลองทำด้วย มีบางเรื่องที่ลูกน้องนำไปปฏิบัติจนเกิดความสำเร็จ บางอย่างเราต้องคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่วันหนึ่งก็สำเร็จจนได้ หากไม่คิดเลยก็เกิดขึ้นไม่ได้ กองทัพบกถือว่าปีนี้เป็นปีแห่งการเตรียมพร้อมสู่อนาคตต้องคิดว่าจะเดินสู่จุดนั้นได้อย่างไร ไม่ใช่ตนคนเดียวแต่ทุกคนในกองทัพได้ร่วมกันทำจนเป็นอย่างเช่นทุกวันนี้ อย่างไรก็ตาม ตนได้ศึกษาแนวทางของอดีต ผบ.ทบ.ทั้ง 36 คนมาเป็นแบบอย่างในการทำงานของตน หวังว่าน้องๆในกองทัพบกจะสามารถทำหน้าที่ต่อไปได้ เพราะทุกคนมีความสามารถ
“ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ทุกคนจะได้กลับไปดูแลครอบครัว อยู่ในสนามบ้าง เกเรบ้าง บางคนชอบบอกภรรยาว่ามีประชุม 3 วัน ทั้งที่มีประชุมวันเดียว นี่ผมพูดเล่น แต่นักข่าวชอบนำไปเขียนเรื่อยเปื่อย ผมก็ต้องมาตามแก้ทุกครั้ง เล็กๆน้อยๆแบบนี้อย่าไปเขียนแหย่เลย เดี๋ยวคนจะไม่เข้าใจ ทั้งนี้ขอให้พวกเราทุกคนรักษาสุขภาพ อย่าปล่อยให้ทรุดโทรม อย่าปล่อยให้แก่เป็นอัลไซเมอร์ ขอให้คิดบ่อยๆ หรืออ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน เพราะอ่านแล้วจะเร้าอารมณ์ บิลด์ขึ้น อย่างผมก็ดูว่าวันนี้จะว่ากล่าวอะไรผมบ้าง แต่ขอร้องให้เข้าใจว่าผมอาจจะแหย่พูดเล่นบ้าง อย่านำไปเป็นอารมณ์ และอย่านำไปเขียนอีกอย่าง ต้องให้เกียรติกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างอารมณ์ดี
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ทหารต้องมีเกียรติยศและศักดิ์ศรี อะไรที่คาบเกี่ยวพาดพิงกองทัพให้เกิดความเสื่อมเสีย ตนยอมไม่ได้เหมือนกัน แต่กรณีหนักนิดเบาหน่อยก็ยอมกัน วันนี้สถานการณ์ของประเทศเดินหน้าไปตามลำดับ มีปัญหาต้องได้รับการแก้ไข ต้องการกำลังใจจากทุกคน เชื่อมั่นว่าผู้บังคับบัญชาทุกคนที่จะมาทำหน้าที่ในวันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไปที่กองทัพบก จะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ทหารที่เกษียณจะถอยออกมาให้กำลังใจ ตนจะเฝ้าดูความเจริญเติบโตของกองทัพในวันข้างหน้า และขอให้กำลังใจกับรัฐบาลด้วย เพราะวันนี้รัฐบาลก็อาการหนัก เนื่องจากงานมีจำนวนมาก แต่สู้ไหว เพราะได้ผ่านวันเวลาที่ยากลำบากมาแล้ว ดังนั้นจะทำเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองให้ได้ โดยไม่ได้มั่งหวังผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่การทำงานที่ไม่มุ่วหวังอะไรเป็นสิ่งที่ยาก เพราะมีกระแสต่อต้านก็จะมาก แต่ก็จะทำให้ดีที่สุดและดูแลประเทศชาติ รวมถึงกองทัพบกและเหล่าทัพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ทางศูนย์การทหารราบได้จัดพิธีสวนสนามเทิดเกียรติจากกองพันสวนสนามที่ 1 จำนวน 184 นายจากกองพันทหารราบที่ 1 ศูนย์การทหารราบในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ กองพันสวนสนามที่ 2 จำนวน 184 นาย จากกองพันทหารราบที่ 2 ศูนย์การทหารราบ กองพันสวนสนามที่ 3 จำนวน 184 นาย จากกองพันนักเรียนนายสิบ กรมนักเรียนโรงเรียนทหารราบ ศูนย์การทหารราบ กองพันสวนสนามที่ 4 เป็นกองพันวิ่งสวนสนามจำนวน 90 นาย จากกองพันนักเรียนการจู่โจมและส่งทางอากาศ กรมนักเรียนโรงเรียนทหารราบ ศูนย์การทหารราบ และขบวนยานยนต์ จำนวน 37 คัน พร้อมกำลังพลอีกจำนวน 209 นาย สำหรับขบวนยานยนต์ ประกอบด้วยยานยนต์ขนาดต่างๆ ได้แก่ จักรยานยนต์ทางยุทธวิธี จำนวน 6 คัน รถยนต์บรรทุกขนาด 1/4 ตัน จำนวน 1 คัน เป็นรถควบคุมขบวนยานยนต์สวนสนาม รถยนต์บรรทุกขนาด 1 1/4 ตัน ฮัมวี จำนวน 2 คัน ติดตั้งปืนกลเอ็ม 240 จี คันละ 1 กระบอก รถยนต์บรรทุกขนาด 1 1/4 ตัน ฮัมวี จำนวน 2 คัน ติดตั้งเครื่องยิงลูกระเบิดอัตโนมัติขนาด 40 มิลลิเมตร คันละ 1 กระบอก รถยนต์บรรทุกขนาด 1/4 ตัน จำนวน 3 คัน ติดตั้งปืนไร้แรงสะท้อน ขนาด 106 มิลลิเมตร คันละ 1 กระบอก รถยนต์บรรทุกขนาด 1 1/4 ตัน รถฮัมวี จำนวน 3 คันติดตั้งอาวุธต่อสู้รถถังจรวดโทว์ คันละ 1 กระบอก รถยนต์บรรทุกขนาด 1 1/4 ตัน ยูนิม็อก จำนวน 3 คัน บรรทุกเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 60 มิลลิเมตร คันละ 1 กระบอก รถยนต์บรรทุกขนาด 1 1/4 ตัน ยูนิม็อก จำนวน 3 คัน บรรทุกเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 81 มิลลิเมตร คันละ 1 กระบอก รถยนต์บรรทุกขนาด 1 1/4 ตัน ยูนิม็อก จำนวน 3 คัน ลากจูงเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 120 มิลลิเมตร คันละ 1 กระบอก รถยนต์บรรทุกขนาด 2 1/2 ตัน จำนวน 3 คัน ใช้บรรทุกกำลังพลทหารราบทำการเคลื่อนที่ในระยะทางไกลนำไปส่งลง ณ ที่รวมพลก่อนที่จะเคลื่อนที่ด้วยการเดินเท้าเข้าสู่พื้นที่ปฏิบัติการรบ และใช้สำหรับบรรทุกสัมภาระ รวมทั้งยุทโธปกรณ์ ตลอดจนใช้ขนส่ง สิ่งอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเป็นการส่งกำลังบำรุงให้กับหน่วยทหารราบที่กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ในพื้นที่ปฏิบัติการ รถ REWA จำนวน 1 คัน ใช้สำหรับเป็นรถตรวจการณ์ ติดตั้งปืนกลนีเกฟ บรรทุกกำลังพลได้ 12 นาย รถสายพานลำเลียงพล แบบ M 113 จำนวน 6 คัน ติดตั้งปืนกล 93 ขนาด .50 นิ้ว คันละ 1 กระบอก และยานเกราะล้อยาง BTR-3E จำนวน 3 คัน โดยรวมยอดกำลังพลในการสวนสนามครั้งนี้จำนวน 930 นาย พร้อมกันนี้กำลังพลสวนสนามยังได้ร้องเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” และเพลง “มาร์ชทหารราบ” ร่วมกัน ซึ่งพิธีเป็นอย่างสมเกียรติและเป็นที่ประทับใจแก่ พล.อ.ประยุทธ์ โดยได้ร้องเพลงคลอตามด้วย
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการให้รางวัลกับนักกีฬาที่ได้เหรียญจากการแข่งกันกีฬาเอเชียนเกมส์ที่ประเทศเกาหลีใต้ว่า ตอนนี้ยังไม่อยากประกาศไปล่วงหน้า เนื่องจากมีคณะกรรมการพิจารณาเรื่องนี้อยู่แล้ว เราไม่ได้มาด้วยการหาเสียง ฉะนั้นต้องมีการหารือกันให้ดีว่าจะมีการดูแลนักกีฬาเหล่านี้อย่างไร เพื่อให้เกิดความยั่งยืน ที่ผ่านมาทางกองทัพก็ช่วยรัฐบาลมาพอสมควร และก็มีการบรรจุนักกีฬาที่ได้รับเหรียญให้เป็นข้าราชการทหารหลายครั้งซึ่งจะให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปดำเนินการเสนอมา ตอนนี้อย่างเพิ่งไปดูว่าจะได้อะไรกัน เพียงแต่ตอนนี้ให้กำลังใจนักกีฬาให้ได้เหรียญมากที่สุด และดีใจที่นักกีฬาได้เหรียญทอง
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายหลังจากเสร็จพิธี พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทางกลับ กทม.ด้วยเฮลิคอปเตอร์ทันทีโดยไม่ได้อยู่ร่วมรับประทานอาหารกลางวันเนื่องจากติดภารกิจในช่วงบ่าย