ทีมโฆษก คสช.แจง ทหาร-ตำรวจไม่ได้ปิดกั้นนักวิชาการจัดเสวนา คุกคามเสรีภาพทางวิชาการ แค่เชิญให้รายละเอียดกิจกรรม รูปแบบเนื้อหา แนวทางป้องกันบุคคลแฝงเข้ามาเคลื่อนไหว จนนำไปสู่ความไม่สงบ ทำสถานการณ์บ้านเมืองไม่นิ่ง เป็นอุปสรรคขัดขวางการสร้างความปรองดอง
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก และทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้ขอความร่วมมือให้กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตยหยุดการจัดกิจกรรมเสวนา เนื่องจากมีหลายฝ่ายเกรงว่าบางกิจกรรมจะสามารถถูกนำไปเกี่ยวข้องกับการเมืองได้ว่า เจ้าหน้าที่ได้พิจารณาด้วยความระมัดระวังเพื่อให้เกิดบรรยากาศในเชิงบวกและสอดคล้องแนวทางความสงบเรียบร้อย รวมถึงเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องขอทราบในรายละเอียดของประเด็นเนื้อหา รวมถึงรายละเอียดของผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่ชัดเจน เพื่อนำไปประกอบการพิจารณา ทั้งนี้เพื่อให้กิจกรรมนั้นๆ มีความเรียบร้อย เสริมบรรยากาศการพัฒนาที่ดี และต้องระมัดระวังไม่ให้บางบุคคลแฝงเข้ามาเคลื่อนไหวในลักษณะต่างๆ ที่อาจขัดแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยในภาพรวม
ส่วนกรณีที่ผ่านมานั้น เป็นเพียงการเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลรายละเอียดกิจกรรม รวมถึงได้พูดคุยทำความเข้าใจถึงแนวทางที่เหมาะสม กรณีที่ทางกลุ่มมีความประสงค์จะจัดกิจกรรมในช่วงเวลานี้ว่าควรมีขั้นตอนอย่างไร เช่น อาจต้องมีการกำหนดรายละเอียดรูปแบบเนื้อหาที่ชัดเจน มาตรการป้องกันมีการแอบแฝงออกนอกประเด็นผิดไปจากเจตนารมณ์ และวัตถุประสงค์ การแลกเปลี่ยนความเห็นควรเน้นเชิงสร้างสรรค์นำไปสู่การแก้ไขหรือพัฒนาสังคม ไม่ใช่นำไปสู่ความโกรธแค้นหรือเกลียดชังกัน รวมทั้งขอความร่วมมือให้หลีกเลี่ยงการว่ากล่าวให้ร้าย หรือกล่าวพาดพึงบุคคลอื่นเป็นต้น
พ.อ.วินธัยยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ปิดกั้นหรือคุกคามเสรีภาพทางวิชาการใดๆ กรณีเสนอแนะ หรือสะท้อนปัญหาสามารถดำเนินการได้ในช่องทางที่เหมาะสมอยู่แล้ว ไม่อยากให้นำกรณีดังกล่าวไปแปลงเจตนาของ คสช.ให้คลาดเคลื่อนไป ในช่วงเวลาแห่งการแก้ไขปัญหาเดินหน้าปฏิรูปประเทศ และสร้างความปรองดองความรักสามัคคีของคนในชาติตามโรดแม๊ป ระยะที่ 2 และ 3 นี้ ยังคงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ คสช.ต้องขอความร่วมมือจากทุกส่วนในการละเว้นชะลอการจัดกิจกรรมใดๆ ในเชิงการเมืองที่หมิ่นเหม่ ล่อแหลมต่อการสร้างปมขัดแย้ง และอาจทำให้เกิดความอ่อนไหวต่อการรับรู้ของสังคม ส่งผลให้สถานการณ์ของประเทศไม่นิ่ง ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาประเทศในภาพรวม
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา คสช.ต้องขอขอบคุณสถาบัน องค์กรในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานการเมือง อาทิ พรรคการเมือง ผู้ทำงานการเมืองภาคประชาชน องค์กรเอกชนต่างๆ ภาคประชาชนและนักวิชาการส่วนใหญ่ ที่เข้าใจในสถานการณ์ของประเทศในขณะนี้ และเข้าใจในเจตนาของ คสช. โดยไม่ดำเนินกิจกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องทางการเมืองตามที่ คสช.ขอความร่วมมือ ถือว่าเป็นการให้โอกาส คสช.ได้ทำงานตามที่ได้ประกาศให้ประชาชนรับทราบ จึงหวังว่าทุกภาคส่วนจะได้ให้โอกาส คสช.เช่นกัน ทั้งนี้หากภาควิชาการจะมีข้อเสนอแนะเชิงวิชาการต่อการแก้ไขปัญหาและขับเคลื่อนประเทศ ก็น่าจะเรื่องที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของประเทศในขณะนี้