xs
xsm
sm
md
lg

พลิกปูม “วิลาศ-เรณู” สองนายกฯ น้อยคุมทำเนียบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สะเก็ดไฟ

ในที่สุด “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็เลือก “บิ๊กอ้อ-พล.อ.วิลาศ อรุณศรี” มานั่งตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่เรียกกันคุ้นปากว่าเป็นตำแหน่ง “นายกฯ น้อย”

รู้กันดีว่า “บิ๊กอ้อ” คือเพื่อนสนิทซี้ย่ำปึ้กกับ “บิ๊กตู่” มานาน ช่วยเหลือเกื้อหนุนกันทั้งฉากหน้า-ฉากหลัง มีส่วนสำคัญในการเป็น “มือประสาน” กลุ่มเครือข่ายต่างๆ ให้

ที่สำคัญที่สุด “บิ๊กอ้อ” เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 12 ของ “บิ๊กตู่” เคยดำรงตำแหน่งสำคัญในกองทัพบกมากมาย อาทิ ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์

ในอดีตเคยมีกระแสข่าวออกมาหลายครั้งว่า “พล.อ.วิลาศ” จะนำกำลังรัฐประหารด้วยซ้ำ

ตามสไตล์ของ “บิ๊กตู่” ที่ได้ดีแล้วไม่ทิ้งเพื่อน จึงหนีบ “เพื่อนอ้อ” มาคอยเป็นหลังบ้านปัดฝุ่นไม่ให้มาระแคะระคายเก้าอี้ สร.1

ทว่า งานนี้มีเบื้องลึกตรงที่ก่อนหน้านี้ “พล.อ.วิลาศ” ได้รับการคาดหมายว่าจะมีรายชื่อติดโผ “ครม.ประยุทธ์ 1” แต่สุดท้ายก็ต้องอกหักไปหลัง “เพื่อนตู่” เลือกจัดสรรเก้าอี้ ครม.ตอบแทนคนอื่นไปก่อน แต่ก็ได้สัญญาใจว่าจะไม่ทิ้งกัน ชื่อของ “พล.อ.วิลาศ” ในตำแหน่ง “นายกฯ น้อย” จึงนอนมาชนิดไร้คู่แข่ง

บทเฮี้ยบของ “พล.อ.วิลาศ” มีออกมาให้เห็นตั้งแต่ ครม.ยังไม่แต่งตั้ง โดยในช่วงที่ “สื่อมวลชน” ติดตามภารกิจของ “พล.อ.ประยุทธ์” เข้าสักการะ “สมเด็จวัดปากน้ำ” ที่พุทธมณฑล วันนั้น พล.อ.วิลาศสั่งห้ามไม่ให้ “กระจอกข่าว” ตะโกนสอบถามประเด็นข่าวกับ “บิ๊กตู่”

ทำเอา “สื่อมวลชน” ถึงกับเหวอกินไปเลย

นอกจากนี้ “พล.อ.วิลาศ” ได้สั่งรื้อระบบการแถลงข่าวภายในตึกนารีสโมสรเสียใหม่เกือบทั้งหมด เพราะก่อนหน้านี้ทราบมาว่าเมื่อแถลงข่าวเสร็จจะมีการซักถามที่ไม่เป็นระเบียบ จึงมีการจัดระบบให้โดยสื่อมวลชนคนใดจะซักถามทีมโฆษกจะต้องยกมือก่อนถาม และต้องถามผ่านไมโครโฟนเท่านั้น ไม่เช่นนั้นทีมโฆษกจะไม่ตอบ

ทว่าก็ไม่เป็นผล เพราะมีไมโครโฟนแค่ตัวเดียว แต่คำถามมีเป็นร้อย สุดท้ายแล้วก็ต้องอยู่ในรูปแบบที่ใครมีประเด็นก็ถามตามที่เตรียมตัวเอาไว้

ระยะหลัง “พล.อ.วิลาศ” จะเป็นคนเข้ามาดูแลงานด้านการก่อสร้างเพิ่มเติมอาคารสถานภายในทำเนียบรัฐบาลทั้งหมด เพื่อป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน เพราะหากเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย “ไมค์ทองคำ” มีหวังรัฐบาลจะพังครืนลงได้ จึงต้องเลือกคนที่ไว้ใจากที่สุดมาควบคุมดูแล

จากนี้ต้องจับตาบทบาทของ “พล.อ.วิลาศ” ให้ดี เพราะคงได้รับมอบหมายจาก “บิ๊กตู่” ให้ดูแลงานอีกมากมาย โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับทำเนียบรัฐบาล

ด้านตำแหน่ง “รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง” ซึ่ง “บิ๊กตู่” เลือกจิ้มไปที่ “เรณู ตังคจิวางกูร” ที่จะเกษียณอายุราชการจากตำแหนงรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ปลายเดือนกันยายนนี้

โดย “เรณู” ถือเป็น “ลูกหม้อ” สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เติบโตมาตามเส้นทาง และขึ้นดำรงตำแหน่งสูงสุดในช่วง “รัฐบาลอภิสิทธิ์” และยังได้รับความไว้วางใจให้ทำงานต่อในช่วง “รัฐบาลยิ่งลักษณ์”

จุดนี้ถือเป็นเครื่องการันตีฝีไม้ลายมือในการทำงานได้เป็นอย่างดี

กระทั่งเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร “เรณู” เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นคนจัดแจงขั้นตอนตามพิธีการให้กับ คสช.หลายครั้ง แถมยังสามารถประสานงานกับหน่วยงานอื่น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับ คสช.อีกต่างหาก

เหตุที่ “บิ๊กตู่” เลือกใช้บริการ “เรณู” เพราะหากมีการจัดการเรื่องงานพิธีการ หรืองานสำคัญที่รัฐบาลจะเป็นเจ้าภาพ “เรณู” สามารถเรียกใช้งานได้ตลอดเวลา

แถมงานทุกอย่างยังเนี้ยบตรงสเปกที่ “บิ๊กตู่” กำหนดไว้ไม่ผิดเพี้ยน

จะเห็นได้ว่า “บิ๊กตู่” เลือกวางบทบาทของ “วิลาศ-เรณู” ไว้คนละบทบาท เพื่อให้การทำงานไม่ทับซ้อนกัน

หลังจากนี้ต้องจับตาว่า สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ภายใต้การนำของ “สองนายกฯ น้อย” จะถูกนำพาไปในทิศทางใด
กำลังโหลดความคิดเห็น