xs
xsm
sm
md
lg

"ปนัดดา" แจงปรับปรุงทำเนียบคืบ 60% ยันเสร็จก่อนกำหนด-ก.ย.รู้ผลตรวจคุณภาพข้าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปลัด สปน.ประชุม กก.อำนวยการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบฯ เร่งทาสีตึกบัญชาการ 1-2 ภาพรวมไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี ตึกนารีสโมสรคืบ 60% เล็งใช้สีโทนเดียวกันหมด พร้อมเปลี่ยนเก้าอี้นายกฯ ซ่อมรังนกกระจอกทั้งหมด คาดเสร็จก่อนกำหนด 15 ก.ย. เว้นบ้านพิษณุโลก ที่เสียหายแยะ ไม่เสริมรั้วทำเนียบกันม็อบ-แจงคือตรวจโกดังข้าว 90% รอผลห้องปฏิบัติการเช็คคุณภาพ คาดไม่เกินกลางก.ย.

วันนี้ (7 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลและบ้านพิษณุโลก เพื่อติดตามความคืบหน้าการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลและบ้านพิษณุโลก โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม อาทิ กรมยุทธโยธาทหารบก กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร และตัวแทนบริษัทผู้รับเหมา

ทั้งนี้ ในที่ประชุมมีการรายงานความคืบหน้าแต่ละส่วนความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นตึกบัญชาการ 1 และ 2 อยู่ระหว่างการเร่งทาสีรองพื้น และกำลังจะมีการเปลี่ยนพื้นกระเบื้องบริเวณห้องโถงชั้น 1 ส่วนชั้น 5 ที่จะใช้เป็นห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น จะมีการขัดพื้นปาเก้ และวางระบบเครื่องเสียงใหม่ทั้งหมด รวมถึงติดตั้งระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไว้ด้วย

ขณะที่การปรับปรุงตึกไทยคู่ฟ้ามีความคืบหน้าในภาพรวม ร้อยละ 20 โดยภายนอกอาคารมีการทาสี และจะซ่อมประตูและหน้าต่าง รวมถึงปรับปรุงพื้นดาดฟ้า ติดตั้งรางไฟ และซ่อมหินทางเดินเข้า ส่วนการปรับปรุงภายในอาคารมีความคืบหน้าร้อยละ 60 ของงาน ซึ่งมีการทำความสะอาดและซ่อมโคมระย้าเสร็จแล้ว รวมถึงซ่อมโต๊ะและเก้าอี้บุผ้า อีกทั้งทาสีผนังห้อง และกำลังจะเปลี่ยนสุขภัณฑ์ใน ห้องทำงานนายกรัฐมนตรี ให้มีสุขภัณฑ์สำหรับผู้ชาย รวมถึงเปลี่ยนเก้าอี้นั่งทำงานนายกรัฐมนตรีด้วย ตามข้อเสนอของกรมยุทธธาทหารบก โดยกรมศิลปากรเป็นผู้ดูแลแบบ

สำหรับตึกสันติไมตรีนั้น ภาพรวมการปรับปรุงภายนอกอาคารดำเนินการไปแล้วร้อยละ 30 ของงาน โดยกำลังทำงานสีภายนอก รวมถึงซ่อมประตูและหน้าต่างไปบางส่วนแล้ว ส่วนภายในดำเนินการไปได้ร้อยละ 80 ซึ่งมีการซ่อมเวทีเสร็จแล้ว กำลังทำความสะอาดฝ้ากระจกโถงกลางและทาสีภายใน ก่อนจะซักผ้าม่านและพรม ขณะที่การปรับปรุงตึกนารีสโมสรนั้น ภายในอาคารดำเนินการไปได้ร้อยละ 60 ด้านภายนอกอาคารปรับปรุงไปได้ร้อยละ 35 ซึ่งกำลังทาสี ซ่อมประตูและหน้าต่างไปบางส่วนแล้ว อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลครั้งนี้ อาคารสำคัญจะใช้โทนสีเดียวกันทั้งหมด เพื่อให้เกิดความสวยและสง่างาม

โดย ม.ล.ปนัดดา กล่าวภายหลังการประชุมว่า ความคืบหน้าในการปรับปรุงซ่อมแซมตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี และตึกนารีสโมสร ก้าวหน้าไปประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ เพราะได้ทำงานกันตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งพบว่ามีทั้งไม้ผุ ปลวกกินหลายจุด ดังนั้นการซ่อมแซมจะทำตามอำเภอใจไม่ได้ กรมศิลปากรจะควบคุมดูแลเพื่อให้การซ่อมเป็นไปตามกรอบโบราณสถาน ทั้งนี้ความเรียบร้อยจะเกิดขึ้นได้คาดว่าไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน รวมถึงรังนกกระจอกของผู้สื่อข่าวด้วยที่จะต้องมีการซ่อมแซมทั้งสามรัง โดยผู้สื่อข่าวจะต้องออกจากรังเพื่ออำนวยความสะดวกในการปรับปรุง ซึ่งทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ได้เตรียมสถานที่รองรับให้สื่อมวลชนเป็นการชั่วคราวแล้ว

ม.ล.ปนัดดา กล่าวอีกว่า สำหรับระบบไฟฟ้า ประปา หน่วยงานที่รับผิดชอบจะเข้าดำเนินการในสัปดาห์หน้า เช่นเดียวกับการซ่อมรั้วและประตูทุกด้านของทำเนียบรัฐบาล ที่ทางกทม.จะดูแลรับผิดชอบ ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในต้นเดือนกันยายนเช่นเดียวกัน ถือว่าเสร็จก่อนกำหนดที่ตั้งไว้ในวันที่ 15 ก.ย. และเชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไร เพราะไม่เช่นนั้นผู้รับผิดชอบคงพูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำว่าจะเสร็จทัน ส่วนบ้านพิษณุโลกพบว่าเสียหายหลายจุด จะต้องมีการซ่อมแซมครั้งใหญ่ คงไม่แล้วเสร็จในเดือนกันยายน ยังเป็นโครงการต่อเนื่อง อาจจะแล้วเสร็จในปี 2558

"การซ่อมแซมทั้งหมดนี้ ถือเป็นการซ่อมแซมครั้งสำคัญ หลังจากที่เว้นว่างมาหลายปี เพื่อให้เป็นมรดกแห่งความภาคภูมิใจของลูกหลานไทยสืบไป โดยกรมศิลปากรเข้ามาช่วยควบคุมดูแลร่วมกับส่วนราชการอื่นที่จะอนุรักษ์ไว้ให้เป็นอาคารสำคัญ และเป็นโบราณสถานของชาติบ้านเมือง" ม.ล.ปนัดดา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า รั้วทำเนียบจะต้องมีการเสริมป้องกันการชุมนุมที่อาจจะมีการบุกรุกเข้ามาหรือไม่ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รั้วเดิมแข็งแรงสวยงามอยู่แล้ว คงไม่ปรับเปลี่ยนอะไรมาก กรมศิลปากรดูแลอยู่ ส่วนเรื่องสีทุกอาคารรวมถึงรั้วกรมศิลฯจะดูแลให้เป็นสีโทนเดียวกันทั้งหมด

ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ยังให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจโกดังข้าวว่าที่ผ่านมามีการตรวจไปแล้วกว่า 90% โดยมีการส่งข้าวที่ไปตรวจนั้นไปยังห้องแล็ปหรือห้องปฏิบัติการเพื่อจะได้ทราบว่าข้าวที่ว่าอยู่ครบนั้น เป็นการอยู่ครบในเชิงคุณภาพหรือไม่ ทั้งเรื่องของปัญหา มอด ไร หรือข้าวเน่า ข้าวเสีย ซึ่งคุณภาพข้าวสำคัญมากกว่าปริมาณข้าวที่เหลืออยู่ ซึ่งผลรับสุดท้ายอยู่ที่ผลจากห้องปฏิบัติการนั่นเองที่จะมีการนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ต่อไป ซึ่งผลจากห้องแล็ปนี้คาดว่าจะออกมาไม่เกินกลางเดือนกันยายน โดยจะมีผลการศึกษาและวิเคราะห์ออกมาชัดเจน ส่วนตรงไหนที่มีความชัดเจนแล้วทางกระทรวงพาณิชย์ก็จะเร่งระบายข้าวออกขายทันที ซึ่งทั้งหมดยังถือว่าเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งผู้ตรวจราชการทุกกระทรวงทำงานกันอย่างเข้มแข็งมาก






กำลังโหลดความคิดเห็น