คุ้ยจำนำข้าวแค่เริ่มก็โคตรโกง แต่บิ๊กโม่งลอยนวล!?

ผ่าประเด็นร้อน

เพียงแค่เปิดฉากเริ่มต้นเท่านั้นก็ได้เห็นการทุจริตเกิดขึ้นกันอย่างมโหฬาร ซึ่งก็เป็นไปตามความคาดหมายทุกประการ สำหรับโครงการรับจำนำข้าวในยุครัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะจากผลการรายงานเบื้องต้นของ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐจากโกดังข้าวทัาวประเทศ ว่าจากรายงานล่าสุดเมื่อค่ำวันที่ 6 กรกฎาคม เพียงแค่การตรวจสอบใน 12 จังหวัดของทีมผู้ตรวจราชการ 24 ชุด ในเบื้องต้นพบความผิดปกติ เช่น มีปริมาณข้าวคลาดเคลื่อนไปจากบัญชี ข้าวหาย บางโกดังข้าวขาดหายไปจากบัญชีถึงร้อยละ 80 ข้าวเสื่อมคุณภาพ ใช้การไม่ได้...สารพัด

อีกทั้งยังเจอเรื่องตุกติกอื่นๆ อีก เช่น การเรียงกระสอบข้าวให้ไม่เป็นระเบียบเพื่อทำให้ยากต่อการตรวจสอบตรวจนับ รวมถึงการตบตาเช่นเรียงกระสอบข้าวดีไว้ข้างนอก ส่วนข้างในเป็นข่าวเสื่อมคุณภาพ ปลอมปน หรือแม้แต่ไม่ยอมเปิดโกดังให้เข้าไปตรวจสอบก็มี

อย่างไรก็ดี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ย้ำว่าจะเดินหน้าตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป โดยจะลงพื้นที่ด้วยตัวเองในวันที่ 8-9 กรกฎาคมนี้ พร้อมทั้งย้ำว่างานนี้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องในการทุจริต คือ เจ้าหน้าที่จากองค์การคลังสินค้า (อคส.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

นี่เพียงแค่ประเดิมในเบื้องต้นแค่ 12 จังหวัดในบางพื้นที่เท่านั้น ยังพบความผิดปกติมากมายมโหฬารขนาดนี้ ถ้าตรวจสอบจนครบจะพบการทุจริตมากมายขนาดไหน ขณะเดียวกันผลจากการตรวจสอบดังกล่าวยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความไร้มาตรฐานของหน่วยงานราชการก่อนหน้านี้ที่เคยถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเข้าไปตรวจสอบ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่เดินสายไปทั่วประเทศ แต่กลายเป็นว่าไม่พบการทุจริต หรืออย่างมากก็แค่เอาผิดกับบรรดาพ่อค้าและข้าราชการระดับเล็กๆ ไม่กี่รายพอเป็นพิเศษ แล้วก็ยืนยันการันตีว่า “ไม่พบทุจริต”

ส่วนที่มีการสรุปอย่างเป็นทางการจากอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวของกระทรวงการคลังในอดีตที่ ระบุว่ามีข้าวขายเป็นจำนวนนับล้านตันนั้น หากจำได้ฝ่ายกระทรวงพาณิชย์และผู้บริหารองค์การคลังสินค้าต่างยืนยันว่า ข้าวไม่หาย เพียงแต่ไม่ได้ลงบัญชีต่างหาก อ้างว่าต้องรอให้จบโครงการก่อน

อย่างไรก็ดี การตรวจสอบคราวนี้ผลออกมาราวกับหนังคนละม้วน เพียงแค่เริ่มก็ได้หลักฐานการทุจริตกันแล้ว สิ่งที่น่าติดตามต่อไปก็คือหากผลการตรวจสอบครบทุกโกดังที่เหลือออกมาในทำนองเดียวกัน หรือหนักหนาสาหัสกว่าเดิมจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะเวลานี้ทุกโกดังทั่วประเทศมีคำสั่งให้ล็อกกุญแจปิดตายรอตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ห้ามเคลื่อนย้ายโดยเด็ดขาด ซึ่ง ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล บอกว่าเวลานี้น้ำลดตอผุด คนที่ทำผิดกำลังไม่สบายใจ

รายงานข่าวล่าสุดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ก็มีคำสั่งย้ายด่วน อธิบดีกรมการค้าภายใน และอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ส่วนจะเกี่ยวข้องกันหรือไม่อย่างไรก็ต้องรอผลการตรวจสอบตามมา แต่มันก็เข้าเค้า ไม่เช่นนั้นจะย้ายทำไม

แน่นอนว่าการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวดังกล่าวนั้นเชื่อมโยงไปถึงโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ต่อมามีการสรุปจากคณะอนุกรรมการปิดบัญชีสรุปตัวเลขล่าสุดว่าขาดทุนไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท และยังมีข้าวหายเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิด กับอดีตนายกฯและเคยส่งเรื่องให้วุฒิสภาถอดถอนไปแล้ว และกำลังไต่สวนคดีอาญา คาดว่าอีกไม่นานน่าจะสรุป ขณะเดียวกันได้สอบสวนเอาผิดกับ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เช่น บุญทรง เตริยาภิรมย์ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ข้าราชการ และเอกชนไปหลายราย

แม้ว่าที่ผ่านมาสังคมรับรู้ถึงโครงการรับจำนำข้าวว่ามีการทุจริตแทบทุกเมล็ด แต่ด้วยที่มีกลไกข้าราชการ มีข้าราชการเป็นเครื่องมือจึงแทบไม่เห็นทางว่าจะมีการเอาผิดคนเหล่านี้ได้ ในทางตรงกันข้ามพวกเขายังใช้หน่วยงานทางราชการดังกล่าวมาเป็นเครื่องมือในการการันตีความบริสุทธิ์ไปเสียอีก แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมาสู่ยุคของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ย้ำถึงภารกิจในการกวาดล้างทุจริต เรื่องนี้จะกลายเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญ นั่นคือจะสามารถเอาผิดถึงระดับสั่งการ ระดับนโยบายจากฝ่ายการเมืองได้หรือไม่ หรือในตอนท้ายจะได้เห็นพวกพ่อค้าโรงสี และข้าราชการเล็กๆ ไม่กี่รายเท่านั้น ซึ่งไม่มีความหมาย

อย่างไรก็ดีเชื่อว่าทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะเข้าใจความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ ที่อยากเห็นผลงานในเรื่องแบบนี้มากกว่า เพราะถือว่านี่คือ “แก่น” ไม่ใช่กระพี้!!