คสช. กำหนด “การส่งเสริม SMEs เป็นวาระแห่งชาติ” ทั้งภาคการผลิต ภาคการค้า ภาคบริการ และภาคการเกษตร ยัน SMEs เป็นพื้นฐานสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ พร้อมปรับโครงสร้างการบริหารงานทั้งระบบ ขับเคลื่อน SMEs บูรณาการร่วมทุกภาคส่วน หวังเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจชาติผ่าน SMEs
วันนี้ (7 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริม SMEs ซึ่งนับเป็นการประชุมครั้งแรกภายหลังจากที่ คสช. มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าว โดยเป็นไปตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 การประชุมในวันนี้ที่ประชุมเห็นชอบกำหนดให้ “การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นวาระแห่งชาติ” เพราะถือว่า SMEs เป็นพื้นฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ และเนื่องจากได้กำหนด ให้ SMEs เป็นวาระแห่งชาติ จึงได้มีการพิจารณาปรับโครงสร้างการบริหารจัดการ SMEs ทั้งระบบ โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริม SMEs เพิ่มเติม และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อกลั่นกรองงานให้เกิดความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาปรับโครงสร้างเพื่อยกระดับ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ให้มีขอบเขตงานที่กว้างขึ้น เกิดความเป็นเอกภาพ มีการบูรณาการร่วมของส่วนราชการ ทุกกระทรวง และภาคเอกชน ทั้งในเรื่องการสนับสนุนงบประมาณ การบริหารจัดการให้เกิดความรวดเร็ว รวมถึงการกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ได้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดเพิ่มประเภทของ SMEs ที่ได้รับการส่งเสริมเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ภาคการผลิต, ภาคการค้า, ภาคบริการ และภาคการเกษตร เนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรของไทยเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก หากได้รับการส่งเสริมที่เหมาะสมจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับ SMEs ไทย