“วัชระ-วิลาศ” ยื่นหนังสือ ป.ป.ช.ถามคดีไต่สวนโกงสำนักเลขาฯ สภา สงสัย “สมศักดิ์-สุวิจักขณ์” มีส่วน แฉลิ่วล้อขู่อีก 3 เดือนคัมแบ็ก ทำข้าราชการไม่กล้าส่งเอกสาร
วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อเวลา 10.45 น. นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ และนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อทวงถามความคืบหน้าในการไต่สวนคดีทุจริตของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช.เป็นผู้รับหนังสือดังกล่าว
โดยนายวัชระระบุว่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้รับหนังสือร้องเรียนในกรณีดังกล่าว โดยมีข้อสงสัยว่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้เกี่ยวข้องและมีส่วนในการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างหลายโครงการ โดยตนทั้งสองได้ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว แต่ปรากฏว่าเวลาล่วงเลยมาพอสมควรแล้วจึงขอสอบถามว่ากรณีดังกล่าวได้ดำเนินการถึงขั้นตอนใด และจะมีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนเรื่องนี้เมื่อใดด้วย
ด้านนายวิลาศกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนทราบว่าทาง ป.ป.ช.ได้มีการเรียกให้ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรนำเอกสารที่เกี่ยวข้องมาประกอบการสืบสวน แต่ปรากฏว่ามีการส่งเอกสารไม่ครบถ้วนและมีข้าราชการบางส่วนถูกโยกย้ายไปและได้นำหลักฐานเอกสารสำคัญออกไปด้วย นอกจากนี้ นายสุวิจักขณ์ซึ่งถูกคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้พ้นจากตำแหน่งจากเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไปแล้วนั้น ปรากฏว่ายังทำงานอยู่ในรัฐสภา โดยอ้างความเป็นผู้จัดการรัฐสภา และยังมีลิ่วล้อของนายสุวิจักขณ์ ได้ออกมาพูดจาว่าอีก 2-3 เดือนก็จะกลับมาในตำแหน่งเดิม ทำให้ข้าราชการมีความหวาดกลัวไม่กล้าส่งเอกสารต่อ ป.ป.ช. อีกทั้งยังมีการอ้างว่าจะต้องตั้งคณะอนุกรรมการข้อมูลข่าวสารของสภาฯทำให้มีความล่าช้า ตนเห็นว่าทาง ป.ป.ช.มีอำนาจในการออกมาตรการและคำสั่งที่เร่งรัดให้หน่วยงานราชการสามารถส่งออกเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตได้จึงขอให้ทาง ป.ป.ช.ได้ใช้อำนาจดังกล่าวอย่างรวดเร็วและเคร่งครัดด้วย
ด้านนายสรรเสริญกล่าวว่า ป.ป.ช.ได้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวโดยให้เจ้าหน้าที่กระทำการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวว่าในกรณีดังกล่าวมีมูลอย่างไรก่อนที่จะตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนในกรณีดังกล่าว ยืนยันว่าทาง ป.ป.ช.ไม่ได้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างชักช้าแต่อย่างใด