สะเก็ดไฟ
กลับมาเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์อีกครั้ง เมื่อ “น้องฝ้าย-เวฬุรีย์ ดิษยบุตร” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 ได้แถลงข่าว “สละตำแหน่ง” หลังจากที่เพิ่งคว้ามงกุฎเพชรมาครอบครอง เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาถึงความไม่เหมาะสม โดยเฉพาะในสังคมออนไลน์ที่แสดงความคิดเห็นอย่างเผ็ดร้อน จนแทบหาคำชมไม่เจอ
นอกเหนือจากเสียงวิจารณ์ความไม่คู่ควรกับมงกุฎเพชรแล้ว ยังมีการขุดคุ้ยภาพเก่าๆ ของ “น้องฝ้าย” ออกมาเปิดเผยพร้อมระบุข้อความโจมตี จนเกิดข้อครหาเรื่องการทำศัลยกรรม หรือความงามผ่านมีดหมอ
รวมไปถึงประเด็น “เด็กเส้น” เนื่องจากเคยเป็นพิธีกรดาราในสังกัดช่อง 3 และกำลังมีผลงานละครเรื่องใหม่ที่มีคิวออนแอร์หลังการประกวดไม่นาน นอกจากนี้ยังมีประเด็นการใช้ถ้อยคำหยาบคายผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กหลายต่อหลายครั้งก่อนเข้าร่วมการประกวด
เสียงวิจารณ์ที่อื้ออึง จึงเป็นที่มาของการออกมาเปิดเผยขบวนการ “ล็อกมงกุฎ” จนสั่นสะเทือนวงการขาอ่อน
ถอดรหัสคำพูดของ “น้องฝ้าย” ในวันที่สละตำแหน่งสำท้อนให้เห็นว่า เกือบ 20 กว่าวันที่อยู่ในตำแหน่งเตรียมไปด้วยความกดดัน จนเลยเถิดไปเป็นความกดดันต่อครอบครัวของเธอด้วย และน่าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจ “คืนมงกุฎ” ในครั้งนี้
แม้ว่าสุดท้าย “น้องฝ้าย” จะไม่สามารถฝ่ากระแสสังคมที่ถาโถมเข้าใส่อย่างรุนแรงได้ แต่ก็ต้องถือเป็น “สปิริต” ที่ดีเยี่ยมของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง
โบราณว่าไว้ให้ดูละครแล้วย้อนมาดูตัวเองฉันใด บรรทัดนี้ก็ขอนำกรณี “น้องฝ้าย” เป็นกรณีศึกษาเทียบเคียงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมานานมานี้ โดยขอย้อนไปพูดถึง “น้องปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้ตายคาสนามประชาธิปไตย สมกับที่ได้เคยลั่นวาจาไว้
เทียบเคียงกันแล้ว “น้องฝ้าย” กับ “น้องปู” แม้จะมีความต่างกันทางสถานะ คนหนึ่งอยู่วงการมายา อีกคนหนึ่งอยู่ในสังเวียนการเมือง แต่ก็มีความคล้ายคลึงกันไม่น้อย
“น้องฝ้าย” ได้รับการคัดเลือกโดยกรรมการอย่างถูกต้อง มีการประกาศผลอย่างเป็นทางการผ่านการถ่ายทอดสดมีคนดูทั่วประเทศ แน่นอนว่า “น้องฝ้าย” มีสิทธิ์ที่จะอยู่ในตำแหน่งและทำหน้าที่ได้ต่อไปได้ โดยไม่ต้องสนใจกับข้อครหาที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ รวมไปถึงข้อเรียกร้องต่างๆ ก็เปิดใจรับฟัง
ก่อนตัดสินใจเสียสละแสดงสปิริตในที่สุด
ขณะที่ “น้องปู” ได้รับเลือกตั้งมาตามกระบวนการในระบอบประชาธิปไตยก็จริง แต่กลับตั้งหน้าตั้งตาใช้เป็น “เกราะกำบัง” รักษาอำนาจเอาไว้ โดยไม่เคยคิดที่จะทบทวนพิจารณาดูข้อเสียของตัวเองแม้แต่น้อย ทั้งที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ระงมตั้งแต่วันแรกที่ได้รับตำแหน่ง จนถึงวันสุดท้ายที่ตกเก้าอี้แบบไม่คาดฝัน
โดยเฉพาะการที่มีประชาชนคนไทยนับล้านๆคนออกมาประท้วงขับไล่ เรียกร้องให้ลาออก แต่ก็ทำตัวเป็น “ปูไม่รู้” หวงแหนอำนาจ จนประเทศย่อยยับเพียงใดก็ไม่สนใจใยดี ด้วยความดื้อด้านที่ว่านี้ก็นำตัวเองเข้ามุมอับ และเป็นผลให้ทหารต้องออกมาทำรัฐประหาร เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในประเทศ
ในขณะที่ “น้องฝ้าย” โดยไม่เรียกร้องใดๆ ต่อกองประกวด อีกทั้งยังไม่คิดหวนแหน “มงกุฎ” หรือลาภยศสรรเสริญที่จะได้รับจากตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สฯ เปิดทางให้ “รองอันดับ 2” เข้าทำหน้าที่ทดแทนตำแหน่งของตัวเอง
แต่ในราย “น้องปู” กลับยื้อยุดฉุดกระชากเก้าอี้ไว้กับตัว ทั้งที่มีข้อเรียกร้องให้ลาออกเปิดทางให้ผู้อื่นที่มีความเหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่แทน ไม่ว่าจะเป็นนายกฯคนกลาง หรือรัฐบาลรักษาการ แต่ “น้องปู” ในวันนั้นก็ไม่แยแสแต่อย่างใด จนสุดท้ายถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ตกเก้าอี้ ก็เป็น “รองนายกฯ อันดับ 2” ก็เข้ามาทำหน้าที่แทน
เอาแค่เรื่อง “สปิริต” ก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว ทั้งๆ ที่คนหนึ่งเป็นเพียง “นางงาม” อีกคนหนึ่งเป็นถึง “ผู้นำประเทศ”