ผ่าประเด็นร้อน
จะเรียกว่า“น้ำลดตอผุด”หรือว่า“กรรมติดจรวด”อาจจะเรียกแบบนั้นก็ได้ เมื่อความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้กำลังถูกเปิดโปงออกมาให้เห็นเรื่อยๆ กรณีแรกที่เผยออกมาหลายคนรู้สึกตาค้างกับความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวของอดีตรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยมีการสรุปตัวเลขการขาดทุนในช่วงระยะเวลากว่าสองปีที่ดำเนินนโยบายนี้ มีการขาดทุนไปแล้วกว่า 5 แสนล้านบาท และมีข้าวหายไปกว่า 2.8 ล้านตัน รวมทั้งมีข้าวเสื่อมคุณภาพในโกดังอีกจำนวนมาก ทำให้มูลค่าความเสียหายหากสรุปรวมแล้วต้องไม่น้อยกว่า 6-7 แสนล้านบาท แน่นอน
โอ นี่มันอะไรกันนี่ !!
ตัวเลขดังกล่าวถูกเผยออกมาภายหลังการเรียกประชุมครั้งแรกของรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่กำกับดูแลด้านเศรษฐกิจ คือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ซึ่งในการนี้กระทรวงการคลังก็ได้มีการสรุปตัวเลขโครงการรับจำนำข้าวด้วย โดยคณะอนุกรรมการตรวจปิดบัญชี ที่มีผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง กุเลิศ สมบัติศิริ เป็นประธาน รายงานตัวเลขการขาดทุนดังกล่าวรวมทั้งหมด 3 ฤดูกาล คือฤดูกาล 54/55 55/56 และ 56/57
หากย้อนกลับไปพิจารณาตัวเลขการขาดทุนของโครงการรับจำนำข้าวเมื่อสองฤดูกาลแรก ที่ตอนนั้นคณะอนุกรรมการปิดบัญชี นำโดย สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลังที่ออกมาเปิดโปงเป็นคนแรกว่าขาดทุนไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท ตอนนั้นหูตาเหลือก สังคมตื่นตัว ทำให้การตรวจสอบตามมามากมาย ขณะเดียวกัน เราก็ได้เห็นความพยายามในการกลบเกลื่อนปิดบังกันอย่างเป็นระบบจากฝ่ายรัฐบาลของระบอบทักษิณเช่นเดียวกัน ถึงกับมีการย้ายเปลี่ยนหน้าที่ของ สุภา ถึงขั้นสอบสวนเอาผิดกันเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี ผลจากการเปิดโปงในตอนนั้น ทำให้โครงการอัปยศนี้ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก เพราะเป็นการยืนยันจากกระทรวงการคลังอย่างชัดเจน เป็นใบเสร็จตอกย้ำให้เห็นหลังจากก่อนหน้านี้นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านข้าว องค์อิสระอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ส่งหนังสือให้ทบทวน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินก็ให้ตรวจสอบ ออกมาตำหนิ คัดค้านโครงการที่ฝืนธรรมชาติที่ตั้งโครงการขึ้นมาเพื่อการทุจริตเงินงบประมาณของชาติโดยนักการเมืองในรัฐบาลเท่านั้น
มาวันนี้วันที่มีการเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่ โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดย ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการตรวจสอบและมีการรายงานตัวเลขดังกล่าวออกมาให้เห็น แม้ว่าสำหรับหลายคนมองว่าอาจไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคาดเดาได้อยู่แล้วว่าต้องเจ๊งแบบนี้ จากการ“ทุจริตทุกเมล็ด” เพียงแต่ว่านี่คือคำยืนยันอย่างเป็นทางการเท่านั้นเอง นี่ขนาดเพียงแค่ 3 ฤดูกาล ยังเสียหายขนาดนี้ ในคราวแรกที่ขาดทุน 3 แสนล้านบาทนั้น เพียงแค่สองฤดูกาล แต่เมื่อเป็นสามฤดูกาลตัวเลขขาดทุนก็พุ่งพรวด ซึ่งถ้าเงินขาดทุนตกถึงมือชาวนาผู้ยากไร้เต็มเม็ดเต็มหน่วยทั่วถึงก็ยังพออธิบายได้บ้าง แต่นี่มันเป็นการรวมหัวกันทุจริตในหมู่นักการเมือง พ่อค้าเฉพาะกลุ่ม ในครอบครัวของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเท่านั้น
แน่นอนว่าเงินที่ขาดทุนจำนวนกว่า 5-7 แสนล้านบาท นี่มันมหาศาลมาก สามารถนำมาสร้างรถไฟรางคู่ สร้างรถไฟฟ้าได้ทั่วทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล ได้นับสิบสาย
ดังนั้น เชื่อได้เลยว่านับจากนี้จะต้องมีการตรวจสอบกันอย่างขนานใหญ่ เพื่อเอาผิดคนที่เกี่ยวข้องกันกราวรูด ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตรัฐมนตรีว่ากระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่ บุญทรง เตริยาภิรมย์ มาจนถึง นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ที่เคยอ้างว่าไม่เคยมีข้าวหายเพียงแต่ไม่ได้ลงบัญชีเท่านั้น อีกทั้งยังยืนยันว่าไม่ได้ขาดทุนมหาศาล แค่จิ๊บจ๊อยกว่าแสนล้านบาทเท่านั้น ก็ต้องจับตาดูว่า คสช. จะจัดการให้เป็นรูปธรรมอย่างไร จะสอบสวนหาคนผิด จะยึดทรัพย์หรือใม่ คงไม่ปล่อยให้ลอยนวลเป็นอันขาด !!