“พล.ท.ปรีชา” แม่ทัพภาคที่ 3 ทำหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ไปช่วยราชการ หลังมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ว่ามีพฤติการณ์ให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวก “พานทองแท้ ชินวัตร” ก่อนหน้านี้รองโฆษกกองทัพบกปฏิเสธควบคุมตัว ทั้งนี้ภายหลังได้มีการยกเลิกคำสั่งดังกล่าว เพราะมีเหตุขัดข้องบางประการ
วันนี้ (25 พ.ค.) พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 3 และผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 3 ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ กห 0483/129 ถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เรื่องขอให้นายตำรวจสัญญาบัตรปฏิบัติราชการ ระบุว่า กองทัพภาคที่ 3 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 3 กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 3 มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ว่า พล.ต.ต.กริช กิติลือ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ มีพฤติการณ์ให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกแก่นายพานทองแท้ ชินวัตร หนึ่งในแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อันเป็นการกระทำที่ขัดต่อภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อย และนโยบายของผู้อำนวยการรักษาความสงบแห่งชาติ จึงขอความอนุเคราะห์มายังท่านได้ดำเนินการให้ พล.ต.ต.กริช มาช่วยราชการเพื่อปฏิบัติหน้าที่ ณ สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และขอให้ พ.ต.อ.มนตรี สัมบุณณานนท์ รองผู้บังคับการ กองบังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 5 รักษาราชการแทน
ก่อนหน้านี้ พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกระแสข่าวการควบคุมตัว นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่านายพานทองแท้เดิมพักอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ หลังจากได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกันจึงได้ส่งให้กลับบ้านในกรุงเทพฯ ตามที่เจ้าตัวประสงค์ ฉะนั้นขอให้เข้าใจสิ่งที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ทำไปนั้นมิได้เกิดมาจากความเกลียดชัง หรือเกิดมาจากความเห็นส่วนตัว แต่ด้วยความจำเป็นที่จะต้องให้งานบริหารราชการ และการรักษาความสงบในห้วงนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้
เมื่อถามว่าจะเรียกนายพานทองแท้เข้ามารายงานตัวหรือไม่ ทีมงานโฆษกกองทัพบกกล่าวว่า ทุกท่านที่ได้มีคำสั่งให้รายงานตัว ส่วนใหญ่ไม่มีเจ้าหน้าที่นำพามา ส่วนภาพที่ปรากฏว่ามีทหารนำตัวนายพานทองแท้มาควบคุมนั้น ตนไม่มีรายละเอียด ทุกอย่างเป็นไปตามคำชี้แจงของหัวหน้า คสช. ส่วนกรณีตระกูลชินวัตรมีการประสานงานทำความเข้าใจหรือไม่นั้น ตนเรียนกว่าบุคคลที่เชิญมารายงานตัวหลักๆ เป็นการทำความเข้าใจ และเป็นการแลกเปลี่ยนกันว่าที่ผ่านมาได้ทำอะไรคิดอะไรและขอความร่วมมือในการเดินไปข้างหน้าในการทำอะไรที่จะทำให้บ้านเมืองสงบ ส่วนใหญ่เป็นการทำความเข้าใจ
ส่วนรายละเอียดบุคคลต้องเป็นไปตามคำสั่ง และประกาศที่ได้เรียนไปตนไม่มีข้อมูลเพียงพอ ทั้งนี้การเชิญตัวบุคคลมี 2 อย่าง คือ การเชิญอย่างเป็นทางการคือผ่านทางคำสั่ง และอย่างไม่เป็นทางการ ส่วนกรณีของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อยู่ในกรณีที่ไม่เป็นทางการ ถึงแม้ว่าจะไม่มีรายงานชื่อในคำสั่ง ส่วนจำเป็นที่ หน.คสช.จะต้องพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ยังไม่มีข้อมูล ส่วนการควบคุม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ยังไม่มีข้อมูลว่าปล่อยตัวหรือไม่ แต่ทุกอย่างดำเนินการไปตามกฎหมาย สำหรับนายจาตุรนต์ ฉายแสง และนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ นั้นก็ต้องดำเนินไปตามคดีที่ได้มีการประกาศคำสั่งไว้
อย่างไรก็ตามภายหลังมีการแจ้งคำสั่งดังกล่าวออกไปไม่นาน พล.ต.ท.วันชัย ถนัดกิจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้มีหนังสือยกเลิกคำสั่งดังกล่าว โดยระบุว่ามีเหตุขัดข้องบางประการ