xs
xsm
sm
md
lg

“หมอเหรียญทอง” แจง กสม.ตั้งองค์กรเพื่อหาคนหมิ่นมารับโทษ ปัดเป็นศาลเตี้ย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.นายแพทย์ เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ(แฟ้มภาพ)
ปธ.ชมรมช่วยเหยื่ออาชญากรรม พาน้องผู้ตายในคุกปทุม ยื่น กสม.ขอให้ลงพื้นที่ ยันมีหลักฐานมัด 7 ผู้คุม 9 นช. แจงถูกจับเมาแล้วขับ แต่ฟ้องเป็นชื่ออื่น ก่อนศาลให้ติดคุก ถูกส่งแดน 1 แทนแดน 2 จนถูกรุมซ้อมปางตายถึงแยกขังเดี่ยวก่อนปล่อยให้ตาย “หมอเหรียญทอง” แจง กสม.ปัดเป็นศาลเตี้ย แค่หาคนหมิ่นสถาบันส่งดำเนินคดี ปัดมีติดอาวุธ รับมีพวกช่วยดูแล ตัวแทน สตช. ยัน ผบ.ตร.ให้ความสำคัญ

วันนี้ (16 พ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำนายศิวกร จึงเจริญ น้องชายของนายกฤษณะ จึงเจริญ ผู้ต้องขังในสถานกักขังกลางปทุมธานี ยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชิระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หลังนายกฤษณะถูกรุมซ้อมจนบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตภายในสถานกักขังเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา

โดยนายอัจริยะกล่าวว่า นายกฤษณะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลบางโพงพางจับกุมในข้อหาเมาแล้วขับที่ด่านตรวจแอลกอฮอล์บนถนนพระราม 3 จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวส่งพนักงานอัยการนำตัวส่งฟ้องต่อศาลแขวงพระนครใต้ แต่เป็นการส่งชื่อผู้ต้องหาในชื่อนายธนกฤต ทรัพย์กิ่ง โดยที่ไม่มีการตรวจสอบประวัติทะเบียนราษฎร อีกทั้งพบว่า นายธนกฤตได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยศาลได้พิพากษาจำคุกผู้ต้องหาแทนการจ่ายค่าปรับเป็นเวลา 42 วัน เนื่องจากผู้ต้องหาไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ พนักงานจึงนำตัวส่งที่สถานกักขังกลางปทุมธานี และถูกนำตัวไปควบคุมอยู่ในแดน 1 แดนสำหรับผู้ต้องขังโทษสูง แทนที่จะต้องถูกขังในแดน 2 และระหว่างถูกคุมขัง นายกฤษณะถูกผู้ร่วมคุมขังจำนวน 9 คนรุมซ้อมจนทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากไปรบกวนเวลาพักของผู้ต้องขังวีไอพี จากนั้นเจ้าหน้าที่เรือนจำได้คุมตัวนายกฤษณะไปคุมขังเดี่ยวและไม่ให้อาหารจนเสียชีวิต จากนั้นเจ้าหน้าที่เรือนจำได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรธัญบุรีว่าเสียชีวิตด้วยการถูกซ้อม ก่อนส่งศพไปชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิต

อย่างไรก็ตาม นายอัจฉริยะระบุว่าต้องการให้กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในที่เกิดเหตุ เนื่องจากมีพยานหลักฐานชัดเจนว่ามีผู้รุมทำร้าย ทั้งคลิปวิดีโอ และพยานบุคคล และมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เกี่ยวข้อง 7 คน และผู้ต้องขัง 9 คน โดย นพ.นิรันดร์ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พร้อมทั้งระบุว่าจะตรวจสอบและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ส่วนคณะอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมืองในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่มี นพ.นิรันดร์เป็นประธาน ได้มีการประชุมกรณีนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ยื่นร้องขอให้กรรมการสิทธิฯตรวจสอบการดำเนินการขององค์กรเก็บขยะแผ่นดินว่าเข้าข่ายละเมิดสิทธิหรือไม่

โดยมี พล.ต.นายแพทย์ เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ในฐานะผู้ก่อตั้ง องค์กรเก็บขยะแผ่นดินเข้าชี้แจงว่า การก่อตั้งองค์กรเก็บขยะแผ่นดินมีวัตถุประสงค์เพื่อนำบุคคลที่มีพฤติกรรมหมิ่นเบื้องสูงเข้าสู่กระบวนการของกฎหมาย และองค์กรฯ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง ขณะนี้อยู่ระหว่างการจดทะเบียนเพื่อก่อตั้งเป็นมูลนิธิ อีกทั้งยืนยันว่าไม่ใช่ศาลเตี้ย แต่เป็นการหาตัวผู้ที่มีพฤติกรรมหมิ่นเบื้องสูงเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย โดยมีอาสาสมัครเป็นคณะทำงานคัดกรองการกระทำต่างๆ ว่าเป็นการหมิ่นเบื้องสูงหรือไม่ ก่อนแจ้งความดำเนินคดีต่อไป ขณะนี้มีการแจ้งความไปแล้ว 1 คดี ส่วนที่มีการพูดว่าองค์กรเก็บขยะแผ่นดินมีกองกำลังติดอาวุธนั้น ยืนยันว่าไม่มี เพราะเพียงแค่ประกาศตั้งองค์กรดังกล่าวก็มีกองกำลังติดอาวุธโจมตีเข้ามาที่บ้านพักแล้วทำให้ต้องประกาศออกไปในเฟซบุ๊กว่ามีกองกำลังติดอาวุธเพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง ไม่ได้ไล่ล่าใครแต่อย่างใด แต่ก็ยอมรับว่ามีพรรคพวกช่วยดูแลอยู่ และล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมาก็พบหัวกระสุนบริเวณ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะห่างจากห้องทำงานตนเพียง 30 เมตรเท่านั้น

โดยอนุกรรมการได้สอบถามว่า องค์กรเก็บขยะแผ่นดินมีคณะกรรมการกี่คน พล.ต.นายแพทย์เหรียญทองกล่าวว่า ขณะนี้มีเพียงตนเป็นผู้ก่อตั้งคนเดียวเท่านั้น แต่มีผู้ที่ต้องการสนับสนุนเป็นจำนวนมากและต้องการให้เป็นองค์กรภาคประชาชนอย่างแท้จริง อีกทั้งสถานการณ์การเมืองขณะนี้หากใครเข้ามาเป็นคณะกรรมการ ก็อาจจะได้รับผลกระทบได้

ขณะที่ตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวชี้แจงว่า ขณะนี้มีผู้แจ้งความดำเนินคดีหมิ่นเบื้องสูงเป็นจำนวนมาก และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง หลังการประชุม นพ.นิรันดร์กล่าวว่า การชี้แจงของ พล.ต.นายแพทย์เหรียญทอง จะทำให้เกิดความเข้าใจร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐกับภาคเอกชนเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพในการสื่อสาร ซึ่งทางอนุกรรมการก็จะได้นำเรื่องไปพิจารณาประกอบรายงานของ กสม.ต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น