“เด็จพี่” ระบุฝ่ายกฎหมายเพื่อไทยเตรียมยื่นดีเอสไอดำเนินการ “สุรชัย-กลุ่ม 40 ส.ว.” อ้างสนับสนุนกบฏ ยันประธานวุฒิสภาไม่มีอำนาจเสนอนายกฯ ตามมาตรา 7 โวยคณะรัฐบุรุษแยกกันเดิน ร่วมกันตี ดันผู้นำมาตรา 7 ตามแนวทาง กปปส. ชม ผบ.ทบ. แสดงจุดยืนรักษากติกา ขณะเดียวกันขอ กกต.เชื่อกฤษฎีกา “นิวัฒน์ธำรง” ทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งได้ เตือนเลื่อนหย่อนบัตรจะเสียคน
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีที่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานรัฐสภาคนที่ 1 ในฐานะรักษาการประธานวุฒิสภา และว่าที่ประธานวุฒิสภา เรียกประชุมนอกรอบพร้อมให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) เข้าหารือที่ห้องรับรองร่วมกับ ส.ว.กลุ่มหนึ่งว่า นายสุเทพกำลังถูกศาลอาญาออกหมายจับในข้อหากบฏ แต่รักษาการประธานวุฒิสภากลับหารือกับนายสุเทพ เรื่องนายกฯ มาตรา 7 ซึ่งไม่มีในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ นายสุรชัยทำนอกเหนืออำนาจส่อไปในทางผิดกฎหมาย สนับสนุนและทำความผิดร่วมกับนายสุเทพ เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา มาตรา 113
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญกำหนดว่าการดำเนินการของวุฒิสภาต้องชอบด้วยกฎหมาย นายสุรชัยจึงไม่มีอำนาจเสนอนายกฯ ตามมาตรา 7 เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดว่านายกฯ ต้องมาจาก ส.ส.และสภา นายสุรชัยกำลังทำผิดรัฐธรรมนูญและกฎหมายอาญา มาตรา 113 ทั้งไม่เคารพกระแสพระราชดำรัสที่ทรงเคยตรัสเรื่องนายกฯ มาตรา 7 ไว้แล้ว
“ผมขอถามนายสุรชัย และ ส.ว.กลุ่มนี้ว่า หากศาลหรือองค์กรอิสระตัดสินคดีแล้วไม่มีใครยึดถือ บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร นอกจากนี้ ขอถามว่าการประชุมเมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมาที่นายสุรชัยและกลุ่ม 40 ส.ว.พยายามเสนอนายกฯ มาตรา 7 เป็นการฉ้อฉลอำนาจใช่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้ (14 พ.ค.) เวลา 10.00 น. ฝ่ายกฎหมายเพื่อไทย จะไปยื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อเอาผิดนายสุรชัย และกลุ่ม 40 ส.ว.ตามกฎหมายอาญา มาตรา 113 ฐานะสนับสนุนกบฏ”
นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า กรณีคณะรัฐบุคคล นำโดย พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีต ผบ.สส. และนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ พยายามเสนอทางออกที่ไม่ต่างจากข้อเสนอของนายสุเทพในลักษณะแยกกันเดินร่วมกันตี แต่ไม่พูดตรงๆ ว่าต้องการนายกฯ มาตรา 7 แต่กลับผลักภาระไปให้ ผบ.เหล่าทัพ เป็นผู้ทูลเกล้าฯ เสนอนายกฯ มาตรา 7 ตนมองว่าความคิดของ พล.อ.สายหยุดเป็นความคิดที่ตกยุค และขอเรียกร้องว่าหาก พ.อ.สายหยุดไม่อยากเสียคนตอนแก่ อย่าเอาแต่ใจตัวเอง ควรไปเรียกร้อง กกต.ให้เร่งจัดการเลือกตั้งเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ลงเลือกตั้ง เรียกร้องให้นายสุเทพและกลุ่ม กปปส.อย่าขัดขวางการเลือกตั้ง จะดีกว่าการโยนภาระให้กองทัพ
“ผมขอชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ที่ออกมาแสดงจุดยืนว่าต้องรักษากฎกติกา และกองทัพต้องฟังคำสั่งของ ศอ.รส. ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง โดยกองทัพจะต้องยืนหยัด อย่างไรก็ตาม จุดยืนของ ผบ.ทบ.ขณะนี้ผมเชื่อว่าจะเป็นหลักให้บ้านเมือง และจะสามารถแก้ปัญหาบ้านเมืองได้”
นายพร้อมพงศ์กล่าวถึงกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง พยายามตั้งข้อสังเกตว่านายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี จะสามารถทูลเกล้า พ.ร.ฎ.แก้ไขเพิ่มเติมกำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการเลือกตั้งทั่วไปได้หรือไม่นั้น ตนอยากให้ กกต.ฟังความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ยืนยันว่า นายนิวัฒน์ธำรงสามารถปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ และสามารถทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.แก้ไขเพิ่มเติมฯ ได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ตรงกับที่คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยได้ตรวจสอบตรงตามข้อกฎหมาย และระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ตนจึงไม่อยากให้ กกต.มาสงสัยในประเด็นนี้ กกต.ควรดำเนินการจัดการเลือกตั้ง
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ที่นายสมชัยระบุว่าการเลือกตั้งอาจเลื่อนไปเดือน ส.ค.นั้น ตนมองว่าหากเลื่อนการเลือกตั้งไปอีกระวังจะเสียคนเพราะทางออกของประเทศในขณะนี้คือการเลือกตั้ง หลังจากเลือกตั้งเสร็จก็สามารถจัดตั้งรัฐบาล เพื่อการปฏิรูปประเทศได้จากนั้นค่อยฟังประชามติจากประชาชน แล้วยุบสภาก็ทำได้
ทั้งนี้ ภายในสัปดาห์หน้าทางพรรคจะเสนอแนวทางปฏิรูปประเทศให้กับประเทศไทยและข้อเสนอของพรรคจะไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะมีกฎหมายรองรับ และการปฏิรูปจะทำได้นั้นต้องออกกฎหมายโดยสภาฯ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวทางปฏิรูปของพรรคเพื่อไทยจะเป็นการหาทางออกให้บ้านเมืองที่ถูกต้องตามหลักประชาธิปไตยประชาชนและนานาชาติจะยอมรับ ส่วนการปฏิรูปให้ได้นายกฯ มาตรา 7 นั้น พรรคเพื่อไทยไม่สามารถดำเนินการให้ได้
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีที่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานรัฐสภาคนที่ 1 ในฐานะรักษาการประธานวุฒิสภา และว่าที่ประธานวุฒิสภา เรียกประชุมนอกรอบพร้อมให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) เข้าหารือที่ห้องรับรองร่วมกับ ส.ว.กลุ่มหนึ่งว่า นายสุเทพกำลังถูกศาลอาญาออกหมายจับในข้อหากบฏ แต่รักษาการประธานวุฒิสภากลับหารือกับนายสุเทพ เรื่องนายกฯ มาตรา 7 ซึ่งไม่มีในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ นายสุรชัยทำนอกเหนืออำนาจส่อไปในทางผิดกฎหมาย สนับสนุนและทำความผิดร่วมกับนายสุเทพ เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา มาตรา 113
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญกำหนดว่าการดำเนินการของวุฒิสภาต้องชอบด้วยกฎหมาย นายสุรชัยจึงไม่มีอำนาจเสนอนายกฯ ตามมาตรา 7 เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดว่านายกฯ ต้องมาจาก ส.ส.และสภา นายสุรชัยกำลังทำผิดรัฐธรรมนูญและกฎหมายอาญา มาตรา 113 ทั้งไม่เคารพกระแสพระราชดำรัสที่ทรงเคยตรัสเรื่องนายกฯ มาตรา 7 ไว้แล้ว
“ผมขอถามนายสุรชัย และ ส.ว.กลุ่มนี้ว่า หากศาลหรือองค์กรอิสระตัดสินคดีแล้วไม่มีใครยึดถือ บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร นอกจากนี้ ขอถามว่าการประชุมเมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมาที่นายสุรชัยและกลุ่ม 40 ส.ว.พยายามเสนอนายกฯ มาตรา 7 เป็นการฉ้อฉลอำนาจใช่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้ (14 พ.ค.) เวลา 10.00 น. ฝ่ายกฎหมายเพื่อไทย จะไปยื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อเอาผิดนายสุรชัย และกลุ่ม 40 ส.ว.ตามกฎหมายอาญา มาตรา 113 ฐานะสนับสนุนกบฏ”
นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า กรณีคณะรัฐบุคคล นำโดย พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีต ผบ.สส. และนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ พยายามเสนอทางออกที่ไม่ต่างจากข้อเสนอของนายสุเทพในลักษณะแยกกันเดินร่วมกันตี แต่ไม่พูดตรงๆ ว่าต้องการนายกฯ มาตรา 7 แต่กลับผลักภาระไปให้ ผบ.เหล่าทัพ เป็นผู้ทูลเกล้าฯ เสนอนายกฯ มาตรา 7 ตนมองว่าความคิดของ พล.อ.สายหยุดเป็นความคิดที่ตกยุค และขอเรียกร้องว่าหาก พ.อ.สายหยุดไม่อยากเสียคนตอนแก่ อย่าเอาแต่ใจตัวเอง ควรไปเรียกร้อง กกต.ให้เร่งจัดการเลือกตั้งเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ลงเลือกตั้ง เรียกร้องให้นายสุเทพและกลุ่ม กปปส.อย่าขัดขวางการเลือกตั้ง จะดีกว่าการโยนภาระให้กองทัพ
“ผมขอชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ที่ออกมาแสดงจุดยืนว่าต้องรักษากฎกติกา และกองทัพต้องฟังคำสั่งของ ศอ.รส. ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง โดยกองทัพจะต้องยืนหยัด อย่างไรก็ตาม จุดยืนของ ผบ.ทบ.ขณะนี้ผมเชื่อว่าจะเป็นหลักให้บ้านเมือง และจะสามารถแก้ปัญหาบ้านเมืองได้”
นายพร้อมพงศ์กล่าวถึงกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง พยายามตั้งข้อสังเกตว่านายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี จะสามารถทูลเกล้า พ.ร.ฎ.แก้ไขเพิ่มเติมกำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการเลือกตั้งทั่วไปได้หรือไม่นั้น ตนอยากให้ กกต.ฟังความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ยืนยันว่า นายนิวัฒน์ธำรงสามารถปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ และสามารถทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.แก้ไขเพิ่มเติมฯ ได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ตรงกับที่คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยได้ตรวจสอบตรงตามข้อกฎหมาย และระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ตนจึงไม่อยากให้ กกต.มาสงสัยในประเด็นนี้ กกต.ควรดำเนินการจัดการเลือกตั้ง
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ที่นายสมชัยระบุว่าการเลือกตั้งอาจเลื่อนไปเดือน ส.ค.นั้น ตนมองว่าหากเลื่อนการเลือกตั้งไปอีกระวังจะเสียคนเพราะทางออกของประเทศในขณะนี้คือการเลือกตั้ง หลังจากเลือกตั้งเสร็จก็สามารถจัดตั้งรัฐบาล เพื่อการปฏิรูปประเทศได้จากนั้นค่อยฟังประชามติจากประชาชน แล้วยุบสภาก็ทำได้
ทั้งนี้ ภายในสัปดาห์หน้าทางพรรคจะเสนอแนวทางปฏิรูปประเทศให้กับประเทศไทยและข้อเสนอของพรรคจะไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะมีกฎหมายรองรับ และการปฏิรูปจะทำได้นั้นต้องออกกฎหมายโดยสภาฯ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวทางปฏิรูปของพรรคเพื่อไทยจะเป็นการหาทางออกให้บ้านเมืองที่ถูกต้องตามหลักประชาธิปไตยประชาชนและนานาชาติจะยอมรับ ส่วนการปฏิรูปให้ได้นายกฯ มาตรา 7 นั้น พรรคเพื่อไทยไม่สามารถดำเนินการให้ได้