“สุรพงษ์” ลั่นต้องทำหน้าที่รองนายกฯ ต่อ ยังไม่พ้นสภาพ อ้างช่วงลงมติเด้ง “ถวิล” ตามคำวินิจฉัยศาล รธน.เป็นแค่ รมว.ต่างประเทศ ท้าให้ไปร้องเรียนได้เลย โวยศาลฯ ให้ รมต.พ้นตำแหน่งโดยไม่ให้ชี้แจง ยันหลังเลือกตั้งต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเป็นการเร่งด่วน
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมาร่วมประชุมและสังเกตการณ์ที่ ศอ.รส.ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ถึงแม้การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญให้ตนพ้นสภาพการเป็นรัฐมนตรีก็ตาม และอาจจะมีการแต่งตั้งให้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รักษาการรองนายกรัฐมนตรี มาช่วยที่ ศอ.รส.อีกตำแหน่งหนึ่งก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในวันที่ 6 ก.ย. 54 ขณะนั้นตนเป็น รมว.ต่างประเทศเพียงตำแหน่งเดียว หลังจากนั้นมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ในวันที่ 28 ต.ค. 55 ตนได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่งหนึ่ง เพราะฉะนั้นการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่ว่าตนพ้นจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศเพียงตำแหน่งเดียว แต่ยังคงเป็นรองนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีที่ศาลตัดสินให้พ้นสภาพแต่ท่านยังคงมีตำแหน่ง รมว.กลาโหมอีกตำแหน่งหนึ่งอยู่
“ศาลควรชี้ให้ชัดที่ศาลบอกว่าถ้าผมไปฆ่าคนเท่ากับมีคดีติดตัว แต่จะไปเปรียบเทียบกับคดีอาญาไม่ได้ การตัดสินของศาลไม่ชัดเจน เพราะผมยังคงเป็นรองนายกรัฐมนตรีอยู่ ที่กำกับดูแลกระทรวงวิทยาศาสตร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานควบคุมการวิจัย และกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งต้องทำหน้าที่ต่อไป ถ้าไม่ทำก็จะมีคนไปร้องเรียนอีกว่าผมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทุกวันนี้ก็สงสัยตัวเองอยู่เหมือนกันว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ทั้งการเป็นประธานที่ปรึกษา ศอ.รส.นั้นเป็นการแต่งตั้งโดยตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี”
นายสุรพงษ์กล่าวอีกว่า ขอฝากถึงคนที่คิดล้มรัฐบาลเมื่อได้ฟังที่ตนให้สัมภาษณ์คงต้องไปร้องเรียนแน่นอน ก็เป็นเรื่องดีที่ตนจะได้มีโอกาสไปชี้แจง เพราะที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่ถูกตัดสินให้พ้นสภาพทั้ง 10 คนนั้นก็ไม่เคยมีโอกาสได้ไปชี้แจง และขอถามศารัฐธรรมนูญด้วยว่าอย่างตนได้รับการโปรดเกล้าฯให้เป็นรองนายกรัฐมนตรี แต่พวกท่านได้รับการโปรดเกล้าณหรือไม่ ที่มาตัดสินพวกตน
นายสุรพงษ์อ้างว่าได้อ่านศึกษากฎหมายแล้ว มั่นใจว่าต้องทำหน้าที่ต่อไป รวมถึงรัฐมนตรีอีก 7 คน เพราะขณะนั้นดำรงตำแหน่งที่ศาลพิจารณาให้พ้นตำแหน่งแต่เมื่อปรับคณะรัฐมนตรีได้มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งไปแล้ว มีเพียง น.อ.อนุดิษฐ์ นาคาทรรพ รมว.ไอซีทีเท่านั้นที่ดำรงตำแหน่งเดียวมาโดยตลอดที่ต้องพ้นไป และนอกจากนี้ตนมีความกังวลมากเพราะคนเสื้อแดงจำนวนมากแสดงความไม่พอใจ และในการชุมนุมพร้อมกันเกรงว่าจะมีการปะทะหรือเกิดเหตุรุนแรงขึ้น เพราะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.เรียกชุมนุมระดมคนในวันมงคลเช่นนี้ถือว่าไม่เหมาะสม เพียงต้องการให้เกิดความวุ่นวาย เกิดเหตุรุนแรง นายสุเทพเองควรเคารพสิทธิของผู้อื่นด้วย
“ระหว่างนี้ขอเตือนนักลงทุน นักธุรกิจไว้ว่า ต่อไปจะต้องเผชิญกับวิบากกรรม เนื่องจากนานาประเทศอาจจะขาดความเชื่อมั่นในการลงทุนในประเทศไทย จะทำให้เศรษฐกิจเสียหาย ส่วนหนึ่งจากการที่สื่อต่างชาติรายงานข่าวออกไปตลอดเกี่ยวกับการพิจารณาเรื่องต่างๆ ของกระบวนการยุติธรรมไทย ถึงอย่างไรก็ยังดีที่ยังมีรัฐบาลรักษาการอยู่จนกว่าจะจัดการเลือกตั้งเสร็จสิ้น ปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ และได้มีการพูดคุยกับกฤษฎีกาแล้วว่าทำได้ แต่กฤษฎีกาไม่ได้ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร หากหลังการเลือกตั้งเรื่องแรกที่ทางพรรค ผมจะทำคือต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมควบคู่ไปกับการปฎฏิรูปประเทศทุกอย่างจะได้เกิดความใสสะอาดขึ้น”