หน.สำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ เผย ปธ.องคมนตรีและรัฐบุรุษทราบแล้ว “สายหยุด” เสนอร่างพระบรมราชโองการหาทางออกประเทศ แต่ยังไม่แสดงความเห็น ระบุเป็นความปรารถนาดีที่เสนอทางออกนำพาชาติสงบสุข แนะไปคิดเอาเองบังควรหรือไม่
วันนี้ (15 เม.ย.) พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ และนายทหารคนสนิทของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และคณะรัฐบุคคล เสนอให้ พล.อ.เปรมในฐานะรัฐบุรุษทำหน้าที่พูดคุยกับองค์กรต่างๆ ที่เป็นหลักของบ้านเมืองทั้งตุลาการ ทหารและผู้นำทางสังคม เสนอร่างพระบรมราชโองการหาทางออกประเทศ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ว่าขณะนี้ พล.อ.เปรมรับทราบเรื่องดังกล่าวแล้วจากสื่อมวลชนที่มีการนำเสนอข่าว แต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เรื่องที่ พล.อ.สายหยุดเสนอถือว่าเป็นความปรารถนาดีในการที่จะเสนอทางออกและเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาประเทศ ที่ผ่านมามีหลายคนและหลายกลุ่มพยายามที่จะเสนอทางออกให้กับประเทศไทย ถือว่าเป็นแนวทางในการที่จะนำพาประเทศกลับคืนสู่ความสงบสุข โดยส่วนตัวตนไม่สามารถตอบแทน พล.อ.เปรมได้ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยต่อแนวทางของ พล.อ.สายหยุด หรือแนวทางของใคร ในขณะเดียวกัน พล.อ.เปรมก็ไม่สามารถตอบได้ว่าแนวคิดของ พล.อ.สายหยุดนั้นบังควรหรือไม่บังควร ต้องไปคิดกันเอาเอง
อย่างไรก็ตาม สืบเนื่องมาจากวานนี้ (14 เม.ย.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น คณะรัฐบุคคลนำโดย พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ พล.อ.อ.เทิดศักดิ์ สัจจะรักษ์ อดีตรอง ผบ.ทอ. และ ร.อ.ปราศรัย ทรงสุรเวทย์ อดีตผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ได้ร่วมกันแถลงข่าวเรื่อง “ทางออกประเทศไทย เมื่อยิ่งลักษณ์หมดความชอบธรรมในการปกครองประเทศทั้งทางด้านนิตินัยและพฤตินัย” โดยเห็นว่าโครงสร้างของประเทศไทยยังมีตำแหน่งรัฐบุรุษอยู่ มีหน้าที่ที่รับสนองพระบรมราชโองการ โดยรัฐบุรุษในประเทศไทยขณะนี้ก็มี พล.อ.เปรม ที่จะทำหน้าที่ในการรับสนองพระบรมราชโองการและพยายามที่จะร่างพระบรมราชโองการขึ้นทูลเกล้าฯ เสนอเมื่อเกิดเหตุการณ์บ้านเมืองยุ่งเหยิง จึงเสนอให้รัฐบุรุษทำหน้าที่พูดคุยกับองค์กรต่างๆ ที่เป็นหลักของบ้านเมืองทั้งตุลาการและทหารและผู้นำทางสังคม เพื่อร่างพระบรมราชโองการเสนอแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย แต่กรณีดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวกับการเสนอใช้พระราชอำนาจ ตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 7 โดยเราเชื่อว่าเมื่อมีพระบรมราชโองการออกมาแล้วสังคมไทยจะยอมรับเหมือนเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ขณะที่หน้าที่ของเราเป็นเพียงการเสนอแนวทางว่าใครมีหน้าที่ทำอะไรบ้าง ส่วนเนื้อหาร่างพระบรมราชโองการเป็นเรื่องที่ผู้มีหน้าที่ต้องเป็นผู้ดำเนินการและรับผิดชอบ