อดีตสมาชิก ส.ส.ร.50 ยันศาล รธน.ฟันนายกฯ พ้นเก้าอี้-แย้งไม่ได้ ชี้เกิดสุญญากาศต้องเข้าสู่ขั้นตอนนายกฯ ตาม ม.7 ปธ.วุฒิฯ อึดอัด อาจถกเฉพาะกิจทุกฝ่ายหาข้อยุติก่อนทูลเกล้าฯ เป็นทางสุดท้ายพึ่งอำนาจประมุขรัฐ ป้องรัฏฐาธิปัตย์ ทำได้ตาม ม.3
วันนี้ (11 เม.ย.) นายคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ และอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2550 เปิดเผยว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สิ้นสุดลงนั้น นายกรัฐมนตรีจะโต้แย้งใดๆ ไม่ได้ และต้องยอมรับคำตัดสินของศาล และหากเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นจริง จะเป็นสุญญากาศทางการเมือง โดยขั้นตอนจะกลับเข้าสู่ในชั้นของวุฒิสภา และผู้ที่ทำหน้าที่เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ คือ ประธานวุฒิสภา ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 7
ทั้งนี้ หากประธานวุฒิสภาเกิดความอึดอัดใจในแง่ของกระบวนการอาจต้องเปิดประชุมเฉพาะกิจที่มีฝ่ายตุลาการหรือศาลทั้งหมด รวมถึงผู้นำเหล่าทัพ และตัวแทนภาคประชาชน ประชุมปรึกษาหารือเพื่อหาข้อยุติให้ได้ แล้วนำแนวทางนั้นขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้มีพระบรมราชวินิจฉัยในขั้นตอนต่อไป ซึ่งเป็นช่องทางสุดท้ายที่ต้องอาศัยอำนาจบารมีขององค์ประมุขของรัฐ
ส่วนกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกลุ่ม กปปส.ประกาศตั้งรัฏฐาธิปัตย์นั้น ยืนยันว่าสามารถทำได้ เพราะถือหลักเกณฑ์โดยฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหารไม่สามารถใช้อำนาจได้ ดังนั้น อำนาจอธิปไตยก็จะกลับคืนสู่ปวงชนชาวไทยทุกคน ตามมาตรา 3
