“สมชาย” นำทีมเพื่อไทยถกพรรคการเมืองลงเลือกตั้ง หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโหวตโมฆะ ก่อนชง กกต.ผุดวันเลือกตั้งใหม่พุธนี้ สื่อเผยไฟดับพรึ่บนาน 20 นาที แต่แก๊งนักการเมืองไม่สน ใช้ปากตะโกนแทนไมค์ “สมศักดิ์” งงข่าวเสนอ “ยุคล” นายกฯ ยันไม่เอามาตรา 7 ชี้พรรคไหนไม่ลงสนามก็เป็นสิทธิ แต่ทุกพรรคต้องมีความพร้อม ย้ำเลือกตั้งคือทางแก้ปม
วันนี้ (28 มี.ค.) ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จ.นครปฐม มีการนัดประชุมพรรคการเมืองภายใต้หัวข้อ “เดินหน้าประชาธิปไตย ร่วมใจ...หาทางออกการเลือกตั้ง” ซึ่งได้มีการเชิญพรรคการเมืองทุกพรรคที่จดทะเบียนต่อ กกต.ทั้งหมด 73 พรรค
โดยเมื่อเวลา 10.00 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม และมีหัวหน้าพรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ เช่น นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายธีระ วงศ์สมุทร หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา และตัวแทนพรรคการเมืองอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่ลงสมัครรับเลือกตั้งเข้าร่วมประชุม
การประชุมในครั้งนี้เป็นการหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางแก้ไขและหาทางออกของประเทศหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การเลือกตั้งทั่วไป 2 ก.พ.ที่ผ่านมาไม่ชอบด้วยบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สามารถออกพระราชกฤษฎีกากำหนดการเลือกตั้งโดยเร็ว และหลังจากนั้นในวันที่พุธที่ 2 เม.ย. จะให้ตัวแทน 4 พรรคการเมืองไปเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้เป็นตัวกลางเชิญรัฐบาล และคู่ขัดแย้งร่วมพูดคุยเพื่อหาทางออกในการปฏิรูปประเทศไทยต่อไป
ทั้งนี้ ในเวลาประมาณ 11.00 น.ระหว่างการหารือ เกิดไฟฟ้าดับทั้งพื้นที่อำเภอสามพราน ราว 20 นาที แต่ที่ประชุมก็ยังคงดำเนินต่อไปโดยใช้การพูดเสียงดังแทนพูดผ่านไมค์
โดยก่อนเข้าร่วมประชุม นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่า อาจมีการเสนอนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯ รักษาการ หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรองนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยสละสิทธิ์ว่ายังไม่มีการหารือถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด จึงไม่ทราบว่ากระแสข่าวมาจากผู้ใด ทั้งนี้มองว่าขณะนี้ยังไม่ควรมองไปไกลขนาดนั้น อีกทั้งหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่สามารถทำหน้าที่ได้จริงก็ยังมีลำดับของผู้ที่จะมาปฏิบัติหน้าที่แทนอยู่ รวมทั้งในส่วนของแนวคิดนายกฯ มาตรา 7 ส่วนตัวก็ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่าบ้านเมืองยังไม่ถึงทางตัน ยังมีทางออกอยู่ อีกทั้งเกรงว่าการพูดถึงมาตรา 7 นั้นยังอาจจะกระทบเบื้องพระยุคลบาท เนื่องจากได้เคยมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับเรื่องนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง
สำหรับหัวข้อในการหารือของพรรคการเมืองในวันนี้นั้น นายสมศักดิ์เปิดเผยว่าจะมีการหารือถึงข้อคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. 57 เป็นโมฆะ รวมถึงการรวบรวมปัญหาที่เกิดขึ้นและแนวทางแก้ไขจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา เพื่อรวบรวมก่อนนำเสนอให้ กกต.และรัฐบาลร่วมพิจารณาอีกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะอีก ทั้งนี้ส่วนตัวเชื่อว่าทุกพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยย่อมต้องมีความพร้อมในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส่วนพรรคใดจะลงหรือไม่สมัครก็ถือเป็นสิทธิและความจำเป็นของแต่ละพรรค ทั้งนี้คงไม่เรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ลงสมัครเลือกตั้ง เพราะต้องเคารพในการตัดสินใจไม่อาจไปก้าวล่วงได้
นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า การปกครองในระบอบประชาธิปไตยมีครรลองและกระบวนการต่างๆอยู่ ก็ต้องดำเนินไปตามแนวทางดังกล่าว โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่ต้องมีการจัดขึ้น เพราะมองว่าการเลือกตั้งจะเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากขณะนี้การไม่มีฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหารทำงานไม่ได้เต็มที่ ทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปด้วยความยากลำบาก ดังนั้นจึงตัองพยายามผลักดันให้การเลือกตั้งเกิดขึ้น และทำให้อำนาจการปกครองกลับมาครบ 3 ฝ่ายเช่นเดิม เพราะหากพูดถึงการปฏิรูปประเทศก็จำเป็นต้องมีฝ่ายนิติบัญญัติในการทำหน้าที่แก้ไขรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
