ทีมกฎหมาย ปชป.ยก “นิคม” เป็นบทเรียนพวกรับใช้ธุรกิจการเมืองโดยไม่สนใจประเทศชาติและประชาชนจะพบจุดจบเช่นไร เรียกร้องกลับใจสังคมยังให้อภัย
นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา จนต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า ถ้านายนิคม ยังยืนยันว่าสิ่งที่ดำเนินการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.ถูกต้อง ก็ไปสู้ในชั้นกระบวนการถอดถอนต่อไป แม้ผลงานครั้งนี้เข้าตาระบอบทักษิณที่ทุ่มเททำงานให้ แต่สุดท้ายต้องมารับกรรมจากการกระทำของตัวเอง
“อยากให้ดูเป็นตัวอย่างว่า คนที่รับใช้ทำตามคำสั่งเพื่อรับใช้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แทนที่จะทำหน้าที่รับใช้ประเทศชาติ ประชาชน แต่กลับไปรับใช้นักธุรกิจการเมืองจะเป็นอย่างไร ขอให้กลับตัวกลับใจ สังคมยังให้อภัย เพราะ ป.ป.ช.ได้ย้ำเช่นเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัย ก็คือเสียงข้างมากไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย”
นายราเมศกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวจะเป็นบทเรียนและบรรทัดฐานในระบบรัฐสภาว่า แม้จะมีเสียงข้างมากกุมอำนาจในสภา แต่ก็ต้องฟังเสียงข้างน้อย อย่ากีดกันสิทธิ และขอให้ยึดรัฐธรรมนูญ เหตุที่พรรคซึ่งมีเสียงข้างน้อยในสภาฯ ยื่นร้องกรณีนี้เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากนายนิคม และเสียงข้างมาก ที่ตั้งใจทำเป็นกระบวนการสอดรับกัน คือ เสียงข้างมากส่งไม้ให้โดยการเสนอปิดอภิปราย ทั้งๆ ที่มีสมาชิกรัฐสภาอีกจำนวนมากยังไม่ได้อภิปรายที่ได้แปรญัตติไว้ ขณะที่นายนิคมก็รับลูก โดยการสั่งให้ลงมติทั้งที่รู้แก่ใจว่าผิดรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับการประชุมและที่นายนิคมเคยให้สัมภาษณ์ว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ร่างคำร้อง โดยได้อ้างข้อกฎหมายขี้เท่อนั้น ตนไม่ค่อยเข้าใจคำว่าขี้เท่อ แต่เข้าใจว่าคนที่ฉลาดจะไม่ทำเหมือนที่นายนิคมทำแน่นอน