“ขี้ข้าปึ้ง” ไม่รู้ “เหลิม” ลาไปสิงคโปร์ 3 วัน พบนายใหญ่ ถก ศรส.ประเมินต่อไม่ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขู่ศาลตัดสินฟันรัฐตามคำ “เทือก” เจอต่างชาติประณาม อ้าง ป.ป.ช.พวก กปปส. เย้ย คปท.เยือนสถาณฑูต ต่างชาติเห็นชัดหวังล้มรัฐ รอเลขาฯ UN พร้อมก่อนขอเป็นคนกลาง แถไม่ได้มาจุ้นท่องเพื่อ ปชต. แจงไม่พบข้อมูล “โกตี๋” แยกดินแดน พร้อมเชิญมาแจง แถแทนไม่คิดแบ่งแยก ยันไม่ปรามสาวก เชื่อไม่ปฏิวัติ ทหาร-ตร.หนุนรัฐ
วันนี้ (7 มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส.ลาราชการ 3 วัน เพื่อเดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์เพื่อพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ตนไม่ทราบ ทราบจากข่าวว่าท่านลา 3 วันไปสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม การประชุม ศรส.วันนี้ (7 มี.ค.) จะประเมินสถานการณ์ เพื่อสรุปว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะคงไว้หรือไม่ แล้วเรื่องเสนอให้นายกฯ รับทราบ ถ้านายกฯ เห็นชอบก็นำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ประกาศว่าการชุมนุม กปปส.จะได้รับชัยชนะต่อเมื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีของรัฐบาล นายสุรพงษ์กล่าวว่า ถ้า ป.ป.ช.หรือศาลรัฐธรรมนูญตัดสินอะไรมา สังคมโลกเขาจับตามองอยู่ การตัดสินโดยกระบวนการที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ให้ความยุติธรรมเลย ป.ป.ช.หรือศาลรัฐธรรมนูญต้องรับกับสิ่งที่ต่างชาติประณาม เพราะเป็นการตัดสินเข้าข้างพวกตัวเองอย่างที่นายสุเทพประกาศ วันนี้นายสุเทพประกาศอย่างนั้นยืนยันอยู่แล้วว่ากลุ่มของนายสุเทพ มีศาลรัฐธรรมนูญ มี ป.ป.ช.เป็นพวก ฉะนั้น สิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องทำคือ ตัดสินทุกอย่างให้เป็นกลางเพื่อแก้ตัวในสิ่งที่เคยผิดพลาด โปรดคิดให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินอะไรออกไป เมื่อนายสุเทพประกาศอย่างนี้ทุกคนจับตามอง
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ส่วนกรณีที่กลุ่ม คปท.เคลื่อนไหวไปสถานทูตต่างๆ นั้น ยิ่งทำให้เขาตื่นตัวและเข้าใจ การที่ตนจะเชิญทูตมาชี้แจงสถานการณ์ถึงแนวทางการล้มรัฐบาลโดยขบวนการรูปแบบใหม่ หรือรูปแบบซ้ำเดิม ที่นายสุเทพกับพวกจะใช้ยิ่งจะประจักษ์แก่สังคมโลกง่ายขึ้น ก็ขอขอบคุณ คปท.ที่ไปบุกหน้าสถานทูต ส่วนความคืบหน้าการขอให้นายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้ามาเป็นตัวกลางการเจรจานั้นหลังจากที่นายบัน คีมูน กลับจากแอฟริกาคงติดต่อกลับมา
เมื่อถามว่า ผบ.ทอ.ไม่เห็นด้วยที่จะให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซง นายสุรพงษ์กล่าวว่า ไม่ได้มองว่าต่างชาติมาแทรกแซงหรือเป็นกิจการภายใน เป็นเรื่องประชาธิปไตย เราให้เพียงให้มาชี้แนะ เราต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ที่เลขาฯ ยูเอ็นเดินทางไปทั่วโลกที่ประสานให้เกิดความปรองดอง ประเทศเราต้องการคนที่จะมาช่วยสมานฉันท์ ตนเชื่อว่าถ้าเลขาฯยูเอ็นเข้ามานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพก็ต้องยอมรับ
เมื่อถามว่า ผบ.และทบ.ผบ.ทอ.ไม่สบายใจกรณีนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำเสื้อแดงปทุมธานี ติดป้ายแบ่งแยกประเทศ ที่อยากให้ ศรส.นำเรื่องมาดำเนินการ นายสุรพงษ์กล่าวว่า เราก็ต้องเอาเข้ามาพิจารณา เมื่อมีใครทำผิดหรือมีข้อกังขาเกิดขึ้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต้องดำเนินการตามกฎหมาย เดี๋ยวจะกำชับ ผบ.ตร.ให้ดูเหตุการณ์แบบนี้จะดำเนินการอย่างไร ซึ่งเท่าที่ติดตามตำรวจสันติบาลไม่พบข้อมูลตามที่กล่าวหา แต่อยากให้ตำรวจเชิญนายโกตี๋มาชี้แจง เพื่อให้เกิดความสบายกับหลายฝ่าย อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งที่ถูกหยิบยกขึ้นมานี้ กปปส.พยายามนำมาเป็นประเด็นเคลื่อนไหว แต่ตนยืนยันว่าคนไทยทุกคนไม่ใครอยากแบ่งแยกดินแดน
เมื่อถามว่า การขึ้นป้ายลักษณะแบบนี้ในพื้นที่พ.ร.ก.ฉุกเฉินถือเป็นความผิดมากกว่าปกติหรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า ตนวิเคราะห์จากป้ายที่เขามาติดเขาก็บอกว่า “ถ้าอยู่ด้วยกันไม่ได้ กูก็ไม่อยู่ร่วมแผ่นดินกับพวกมึง” เขาชัดเจนว่าเขาไม่อยู่พวกนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าแบ่งประเทศไทย เพราะทุกคนเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ประเทศอื่น เช่น เวียดนามเหนือ-ใต้ เยอรมันตะวันตก-ออก เป็นต้น
เมื่อถามว่าต้องปรามคนเสื้อแดงในการเคลื่อนไหวหรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า เราไม่ต้องปรามหรอก การที่นายกฯ ผบ.ทบ.ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองออกมาพูดผ่านสื่อ เชื่อว่าคนไทยไม่ว่ากลุ่มใด อยากให้ทุกคนใช้สติวิเคราะห์ว่าอันไหนถูกผิด ถ้าคนไทยหันมาใช้สติในการยั้งคิดประเทศไทยก็ก้าวพ้นวิกฤติได้ และไม่คิดว่าเรื่องนี้จะไปสู่การปฏิวัติ นายกฯ ได้พบผู้นำเหล่าทัพก็ชัดเจน และการสัมภาษณ์ของผบ.ทบ.ก็ชัดเจนว่าไม่ปฏิวัติ ท่านยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ท่านต้องการเห็นการเลือกตั้ง และการปฏิรูปก็ทำต่อไปได้ ควรรับฟังทุกฝ่าย วันนี้รัฐบาลได้ยินได้ฟังแน่นอน
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับรัฐบาล นายสุรพงษ์กล่าวว่า อย่าไปแบ่งว่ารัฐบาลหรือกองทัพ เพราะกองทัพ ตำรวจ เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล ทุกคนเป็นข้าของแผ่นดิน ต้องสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลเพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้