“แม่น้องเกด” ร้อนตัวแทนแก๊งแดง บุกถาม ทบ.แจ้งความดำเนินคดีแยกประเทศตั้ง สปป.ล้านนา พร้อมให้ยืนยันเป็นกองทัพของประชาชนทุกฝ่าย ขณะเดียวกัน “น้องตั๊น” นำมวลชน กปปส.มอบดอกไม้ให้กำลังใจ ผบ.ทบ. รองโฆษกกองทัพบก เผยฝ่ายยุทธการหาวิธีการปรับบังเกอร์จุดตรวจทหาร หลัง “ยิ่งลักษณ์” ติงกระทบภาพลักษณ์ประเทศ ยันมีการใช้ความรุนแรงต่อเนื่องกับผู้ชุมนุม องค์กรอิสระ และศาล ล่าสุดหันเป้ามาเล่นงานทหาร
ที่สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ เมื่อเวลา 10.20 น.วันนี้ (5 มี.ค.) นางพะเยาว์ อัคฮาค แกนนำกลุ่มญาติวีรชน แม่ของ น.ส.กมนเกด อัคฮาค หรือน้องเกด อาสาพยาบาลที่เสียชีวิตระหว่างเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 เดินทางเข้ายืนหนังสือพร้อมมอบดอกไม้ให้กองทัพบก โดยมี พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบกเป็นผู้รับมอบ
พ.อ.วินธัยกล่าวว่า นางพะเยาว์ได้สอบถามถึงการปฏิบัติงานของทหารในขณะนี้ และกรณีที่กองทัพภาคที่ 3 แจ้งความดำเนินคดีต่อกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่ประกาศจัดตั้ง สปป. ล้านนา โดยตนได้ชี้แจงไปว่าการปฏิบัติหน้าที่ของทหารในพื้นที่กรุงเทพฯดำเนินการภายใต้ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) โดยทหารมีการตั้งจุดตรวจร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในปัจจุบันมีประมาณ 5,000-6,000 นาย ไม่มีการเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่กองทัพภาคที่ 3 ไปแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มรังเชียงใหม่ 51 ที่ประกาศจัดตั้ง สปป.ลานนา นั้น ทหารที่ไปแจ้งความไม่ได้ระบุว่าเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ได้ระบุถึงพฤติกรรมของกลุ่มบุคคล ที่เข้าข่ายจะกระทำผิดเท่านั้น เพราะทหารมีหน้าที่ดูแลด้านความมั่นคงของประเทศ และการดำเนินการเป็นไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้เลือกปฎิบัติ เพราะการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส.ใน กทม.นั้นก็ถูกเจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีไปกว่า 100 คดีเช่นกัน
พ.อ.วินธัยกล่าวว่า สำหรับความสูญเสียในเหตุการณ์ปี 2553 นั้น มีทั้งในส่วนของประชาชนและเจ้าหน้าที่สร้างความสะเทือนใจต่อประชาชนทั้งประเทศ กองทัพไม่อยากให้มีเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นอีก พร้อมทั้งมีนโยบายชัดเจนว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง หลังจากนั้นนางพะเยาว์ได้มอบดอกไม้ และฝากไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ว่าอยากให้กองทัพเป็นของประชาชนทุกพวกทุกฝ่าย
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงที่ให้กองทัพปรับบังเกอร์เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศนั้น พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ฝ่ายยุทธการคงต้องไปหาวิธีดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ทางกองทัพมองว่าสถานการณ์ในปัจจุบันยังคงใช้ความรุนแรงและเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ไม่แน่นอนโดยก่อนหน้านี้จะเน้นกระทำต่อผู้ที่มาร่วมชุมนุม ต่อมาก็กระทำต่อสถานที่ราชการ ศาล องค์กรอิสระ และล่าสุดก็ขยับมาหน่วยที่ตั้งของทหาร โดยสังเกตจากกรณีที่มีการยิงเอ็ม 79 ที่ศาลอาญา รัชดาฯ เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยระเบิดได้ตกห่างจากจุดตรวจทหารไม่ถึง 100 เมตร
ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า ทหารกำลังตกเป็นเป้าการโจมตีนั้น คงต้องให้ทาง ศรส.และกองทัพ ประเมินสถานการณ์ร่วมกันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ระเบิดที่ใช้ก่อเหตุนั้นมีทั้งที่ใช้ในกองทัพและไม่มีใช้ในกองทัพ โดยทั้ง 2 แบบเคยมีการตรวจค้นและจับกุมผู้ที่มีการลักลอบนำอาวุธสงครามเข้ามามาตามแนวชายแดน ตลอดจนพื้นที่ตอนใน และคนที่ถูกจับกุมก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่
ขณะเดียวกัน เวลา 11.30 น. ที่บริเวณประตูด้านหลังกองบัญชาการกองทัพบก น.ส.จิตต์ภัสร์ กฤดากร หรือน้องตั๊น หนึ่งในแกนนำ กปปส. พร้อมมวลชน เดินทางมาให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่ให้การดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่กลุ่มชุมนุม โดยมี พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ เลขานุการกองทัพบก เป็นตัวแทนรับมอบช่อดอกไม้ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมใช้เวลาปราศรัยกว่า 30 นาทีก่อนจะเดินทางกลับ นอกจากนี้ กลุ่มมวลชนได้มอบดอกกุหลาบสีแดงให้แก่เจ้าหน้าที่ทหารที่ยืนปฏิบัติหน้าที่ด้วย