โฆษก กอ.รมน.ชี้เหตุลอบยิงครอบครัวอาสาสมัครทหารพรานที่บาเจาะ นราธิวาส 3 ศพมาจากความขัดแย้งส่วนตัว เสียใจที่ผู้ก่อเหตุใช้เป็นข้ออ้างสังหารผู้บริสุทธิ์อีก 6 ราย วอนอย่าเชื่อข่าวลือจากการบอกเล่า หรือจากจินตนาการในโซเชียลมีเดีย
วันนี้ (4 มี.ค.) พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า จากกรณีความคืบหน้าคดีการลอบยิงครอบครัวของนายเจ๊ะมุ มะมัน ที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้บุตรของนายเจ๊ะมุเสียชีวิต 3 ราย และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แถลงข่าวไปแล้วนั้นเป็นที่ชัดเจนว่ามูลเหตุแห่งคดีนี้มาจากความขัดแย้งส่วนตัวของคนในพื้นที่ที่มีมาแต่เดิม ดังเช่นพื้นที่ส่วนอื่นของประเทศ แม้ว่าผู้ต้องหาจะเป็นอาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) แต่หน่วยราชการก็ได้ประสานงานให้ความร่วมมือในการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย โดยไม่มีการปกป้องและเลือกปฏิบัติ ซึ่งแสดงถึงความจริงใจของภาครัฐในการช่วยกันแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
“กรณีนี้เป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งกว่า เมื่อผู้ก่อเหตุรุนแรงนำไปกล่าวอ้างเป็นสาเหตุการแก้แค้น และสังหารผู้บริสุทธิ์ในหลายท้องที่ เมื่อวันที่ 9, 12 และ 13 ก.พ. ทำให้พระสงฆ์มรณภาพ รวมถึงผู้หญิงและเด็ก เสียชีวิต รวม 6 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง เหตุการณ์ทำนองนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของกฎหมาย อย่าได้หลงเชื่อข่าวลือ ทั้งจากการบอกเล่า และส่งต่อข้อความจากจินตนาการของผู้อื่นในโซเชียลมีเดีย โดยปราศจากการตรวจสอบที่เชื่อถือได้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” โฆษก กอ.รมน.กล่าว
วันนี้ (4 มี.ค.) พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า จากกรณีความคืบหน้าคดีการลอบยิงครอบครัวของนายเจ๊ะมุ มะมัน ที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้บุตรของนายเจ๊ะมุเสียชีวิต 3 ราย และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แถลงข่าวไปแล้วนั้นเป็นที่ชัดเจนว่ามูลเหตุแห่งคดีนี้มาจากความขัดแย้งส่วนตัวของคนในพื้นที่ที่มีมาแต่เดิม ดังเช่นพื้นที่ส่วนอื่นของประเทศ แม้ว่าผู้ต้องหาจะเป็นอาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) แต่หน่วยราชการก็ได้ประสานงานให้ความร่วมมือในการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย โดยไม่มีการปกป้องและเลือกปฏิบัติ ซึ่งแสดงถึงความจริงใจของภาครัฐในการช่วยกันแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
“กรณีนี้เป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งกว่า เมื่อผู้ก่อเหตุรุนแรงนำไปกล่าวอ้างเป็นสาเหตุการแก้แค้น และสังหารผู้บริสุทธิ์ในหลายท้องที่ เมื่อวันที่ 9, 12 และ 13 ก.พ. ทำให้พระสงฆ์มรณภาพ รวมถึงผู้หญิงและเด็ก เสียชีวิต รวม 6 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง เหตุการณ์ทำนองนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของกฎหมาย อย่าได้หลงเชื่อข่าวลือ ทั้งจากการบอกเล่า และส่งต่อข้อความจากจินตนาการของผู้อื่นในโซเชียลมีเดีย โดยปราศจากการตรวจสอบที่เชื่อถือได้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” โฆษก กอ.รมน.กล่าว
