ข่าวปนคน คนปนข่าว
การต่อสู้ทางการเมือง ความรุนแรงยังคงดำรงอยู่กับสังคมไทยต่อไป เป็นดัชนีชี้วัดให้รู้ว่า เหตุบ้านการเมืองระยะหลัง ส่อเค้าว่าจะเพิ่มระดับดีกรีความรุนแรงต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เสียด้วย
ระเบิดที่ดังตูมตามขึ้นไม่เว้นแต่ละวันยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใครกันบ้าง เพราะชั่วโมงนี้ความขัดแย้งไม่ใช่แค่เฉพาะฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายกปปส. ที่เห็นกันแค่หน้าฉาก ลึกลงไปกว่านั้นลับลงไปกว่านี้
มันมีเรื่องการแย่งชิงอำนาจ ทั้งการการเมือง และเชิงการทหาร
แว่วว่า ตอนนี้ในกองทัพบกสายคุมหน่วยรบกำลังพล กำลังประลองเชิงเดินเกมเพาเวอร์เพลย์กันอยู่ วัดใจกันว่าหากปฏิวัติขึ้นมาจริงๆ ฝ่ายไหนจะมีพลังมากกว่า ควบรวมประเทศเอามาไว้ในมือได้ ทหารเรือบางส่วนก็เปิดหน้าเล่น มาเป็นการ์ดให้กปปส. ขณะที่บางส่วนก็ไม่เห็นด้วย มองว่าทำไม่เหมาะ ฮึ่มๆ จะงัดกันอีก
ฉะนั้นความขัดแย้งทางการเมืองมันคงไม่ใช่เฉพาะเงื่อนไขของฝ่ายการเมืองเพียวๆ มิฉะนั้นคงเจรจาจบลงแบบสวยงามไปแล้ว ฝ่ายการเมืองเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เล่นกันหน้าฉาก เมื่อเบื้องหลังไม่ยอม ก็ต้องลุยต่อจบไม่ได้ ทางถอยไม่มี !!!
วันนี้ดูเหมือนว่าความรุนแรงจะหยุดไม่ได้แล้ว น่ากลัวและอันตรายอย่างยิ่งสำหรับสังคมไทย ไม่รู้ว่าต้องให้ความรุนแรงพัฒนาไปถึงระดับไหนสงครามกลางเมืองที่พูดกันอย่าคิดว่าเป็นเรื่องตลก อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ต่างประเทศมองเข้ามายังประเทศไทยก็บอกแล้วว่าแนวโน้มทิศทางที่ประเทศไทยกำลังเดินไปมันเข้าไปสู่สงครามกลางเมืองชัด ๆ
ฟังแล้วก็หดหู่ ว้าวุ่นใจ ทำไมไม่ทำให้มันจบๆกันไป เล่นเกมพาวเวอร์เพลย์แบบนี้คนที่เสียหายก็มีแต่ชาวบ้านตาดำๆ ทั้งชีวิตความเป็นอยู่เรื่อยไปจนถึงช่องทางทำมาหารับประทาน
ระเบิดที่ตูมตามกันอยู่นี้ มีหวังต้องเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ และแรงขึ้นๆ ตามยุทธศาสตร์พิชัยสงคราม เพื่อนำไปสู่จุดมุ่งหมายแตกหักแล้วค่อยจบลงบนโต๊ะเจรจา สถานการณ์มันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้แล้ว จึงเห็นชัดว่า เรื่องเจรจา ณ ตอนนี้ ยากแล้ว ยื่นข้อเสนอออกมามันก็เป็นเชิงพูดแบบเสียไม่ได้ ไร้ความจริงใจ
สุดท้ายก็บอกปัดกันไปมา ต้องขว้างระเบิดใส่กันเท่านั้นถึงจะจบ...
ฉะนั้นชั่วโมงนี้คงต้องพึ่งหัวขบวนในกองทัพอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้ลงมาจัดการปัญหาอย่างจริงจัง บล็อกความรุนแรงเอาไว้อย่าให้ขยายวง มิฉะนั้นไทยฆ่าไทยแล้วจะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
กองทัพมีกำลังพลต้องเคลื่อนไหวแบบขึงขัง ไม่ใช่เอาแต่ตะคอก เบ่งกล้ามโชว์แมนไปวันๆ บางครั้งบางที ความรุนแรงก็ต้องแก้ด้วยความรุนแรง กองทัพต้องเล่นบทโหด จับตัวการมาลงโทษปลดอาวุธ ให้ศิโรราบไป
สถานการณ์การเมืองวันนี้ต่างฝ่ายต่างเล่นกันแบบไม่มีใครติดเบรก เรื่องนิดเดียวขยายกันไปเป็นเรื่องราวใหญ่โต อย่างกรณีเป่านกหวีดใส่หน้า “หญิงอ้อ” พจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่หนีคดี ทำเอาลิ่วล้อขี้ข้าจอมสอพลอ เดือดปุดๆ เรียงหน้ากันออกมาตอบโต้ โจมตีสองผัวเมีย ณัฏฐพล ทยา ทีปสุวรรณ แบบไม่ให้หายใจหายคอ
สอพลอกันแบบไม่ลืมหูลืมตา นพดล ปัทมะ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เพื่อไทย ตบเท้าหน้ากระดานเรียงหนึ่งออกมาสาดเสียเทเสีย ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ สาระแนรับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษหน้าตาเฉย เรื่องอื่นๆ ก่อนหน้านี้น่าจะรับไว้เป็นคดีพิเศษกลับนิ่งเฉย แต่พอเรื่องนี้กุลีกุจอจนเกินงาม ทั้งๆ ที่เป็นคดีมโนสาเร่ ตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก
และให้หลังไปเพียงวันสองวัน ก็เกิดเหตุการณ์บุกถล่มบ้านพักคุณหญิงศศิมา ศีวิกรม์ มารดา ทยา ทีปสุวรรณ แบบอุกอาจ ไม่ต้องสืบก็เดากันไปว่าเป็นเรื่องการเมืองแหงๆ อาจเป็นเรื่องขี้ข้าสอพลอนาย ทำโดยไม่ต้องสั่ง แล้วไปเรียกเก็บบิลภายหลัง เผื่อจะถูกใจเจ้านาย !!!
เชื่อเหลือเกินว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควานหาตัวคนลงมือลำบากลำบน ถ้าเป็นคดีทำนองนี้อืดเป็นเรือเกลือประจำ เป็นเรื่องรับผิดชอบของตำรวจเต็มๆ แต่ปิดปากนิ่งเงียบ เหมือนจะปล่อยให้ผู้ลงมือย่ามใจ ปฏิบัติการต่อไปเข้าทำนองปากว่า ตาขยิบ
สุดท้ายก็ต้องเบี่ยงหน้าไปพึ่งหวังฝ่ายทหาร เข้ามาคลี่คลายปม แต่หันไปก็เห็นแต่อาการโชว์กล้าม ตะเบ็งเสียงใส่หน้าจอ แล้วก็หายวูบไปตามระเบียบ
น่าสนใจว่า ความรุนแรงที่ไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะถูกตัดตอน ห้ามปราม มันก็จะยิ่งทำให้ความรุนแรงหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ สอดรับกับที่บางฝ่ายต้องการให้เกิดขึ้น มีความคิดความเห็นออกมาอย่างต่อเนื่อง เรื่องของแนวคิดแบ่งแยกประเทศ ยิ่งนานวันยิ่งโหมโรงหนักข้อ หรือว่าคนเสื้อแดง จะเอาประเด็นนี้มาจุดไฟในใจให้คุโชน เพื่อเคลื่อนไหวแตกหัก
แกนนำเพื่อไทย แกนนำนปช. แทนที่จะห้ามปราม กลับให้ท้ายเพื่อหวังให้เกิดปฏิบัติการบางอย่างหรือไม่
นัยว่าจะเร่งไฟให้ร้อนโดยเร็ว เพื่อเล่นเกมเร็วให้ทันกับฝ่ายต่อต้านที่อุ่นเตามานานจนร้อนได้ที่ มิฉะนั้นไฟเย็นคงมิอาจสู้ไฟร้อนได้ อนิจจาหรือว่าจะเห็นบ้านเมืองลุกเป็นไฟกันในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม ในความขัดแย้งที่ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร ก็มีความคิดความเห็นจากคนในฝ่ายรัฐบาล แทงข้อเสนอให้เอาคนกลางจากต่างประเทศ เชิญองค์การสหประชาชาติ เข้ามาไกล่เกลี่ย
เหมือนจะบอกว่าคนไทยกันเองแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่ได้แล้ว ฝ่ายรัฐบาลมองว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่เชิญองค์กรกลางที่ทุกฝ่ายน่าจะยอมรับเข้ามาจัดการปัญหา คิดบนตรรกะตื้นๆ เหมือนเด็กอมมือ
ซึ่งมันจะเป็นผลร้ายที่เดินทางผิดมหันต์ เอาคนต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของประเทศ สร้างความเสียหายในระยะยาว ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน มันบ่งบอกถึงความเลวทรามของรัฐบาลรักษาการโจร ที่เห็นประโยชน์เฉพาะตนมากกว่าเรื่องของประเทศชาติ มีหวังโดนคนนิทาหมาดูถูก เพื่อนบ้านอาเซียนมองอย่างเหยียดหยาม ก่อนถึง เออีซี
วันนี้พึ่งหวังใครไม่ได้ หันซ้ายแลขวาก็เห็นแต่พวกอื่นๆ เป็นศัตรูทั้งนั้น จึงคิดหวังยืมมือต่างชาติ โดยไม่คิดถึงผลเสียที่จะตามมา ทำทุกวิถีทางเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดไว้ก่อน ไม่คิดมองตัวเองด้วยความสำนึกว่า บ้านเมืองที่กำลังติดหล่มจมปลักทุกวันนี้ ส่วนใหญ่แล้วเกิดขึ้นจากฝีมือใคร
ความผิดของตัวเองมองไม่เคยเห็น ไม่มีสำนึกรับผิดชอบ การแก้ปัญหาเลยผิดทิศผิดทางมาตลอด ต้องรอให้หมดอำนาจติดคุกติดตะรางกันเสียก่อน ถึงจะยอมมองย้อนกลับมาด้วยความสำนึกว่า ตัวเองเคยทำสิ่งผิดพลาดอะไรไว้บ้าง !!!