“ยิ่งลักษณ์” อ้างเป็นผู้รักษากติกา ถ้าจะเจรจาต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย รธน. ลั่นยอมตายคาสนามประชาธิปไตย ไม่ยอมให้ใครฉีก รธน. เปรียบเหมือนทหารที่ยอมตายคาสนามรบ ชี้เหตุที่ตัดสินใจเองไม่ได้ เพราะคนไทยทั้งประเทศต้องร่วมกันตัดสินใจ
ที่สวนสัตว์ไนท์ซาฟารี จ.เชียงใหม่ เวลา 13.10 น. วันนี้ (28 ก.พ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ระบุว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจในการเจรจาว่า เรื่องการเปิดเวทีเจรจาเราอย่าตั้งเงื่อนไขกัน และในส่วนของกติกาต่างๆ การชุมนุมไม่อยากให้เกิดปัญหาต่างๆ จริงๆ สิ่งที่ต้องถามกลับว่า หากเราได้มีการพูดคุยกัน ในฐานะที่ตนเป็นผู้รักษากติกาก็ต้องคุยกันในกรอบของกฏหมายรัฐธรรมนูญ หากนายสุเทพเห็นด้วยในกรอบนี้ก็จะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาได้ แต่ถ้าไม่เห็นด้วยกับกรอบนี้แล้วจะไม่ให้มีการเลือกตั้งหรือไม่ให้มีการรักษากติกาใดๆ เลย แล้วเราจะคุยกันได้อย่างไร จึงเป็นที่มาในการหาผู้ที่มาร่วมกันคิด ร่วมกันแก้ว่าจะทำอย่างไร ถ้าต่างคนต่างตั้งเงื่อนไข ทุกอย่างก็จะเดินได้ยาก
“ขณะเดียวกัน ที่จำเป็นต้องพูดคำนี้ในการรักษากติกา ถามว่าทำไมดิฉันต้องพูดเรื่องรักษากติกาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะเราเป็นผู้รักษากติกา รักษาประชาธิปไตย ในฐานะ รมว.กลาโหม หรือในลักษณะของทหารเขาก็บอกว่าทหารต้องทำหน้าที่ของตนเองจนนาทีสุดท้าย ทหารต้องตายในพื้นที่ ตายในสนามรบ วันนี้ดิฉันก็ต้องตายในของสนามประชาธิปไตย”
ผู้สื่อข่าวถามว่าอะไรที่ทำให้พูดว่า ยอมตายในสนามประชาธิปไตย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า “ประชาธิปไตยคือหน้าที่ และประเทศจะทำให้เราได้รับความเชื่อมั่นจากนานาประเทศ คือเดินตามกรอบประชาธิปไตย แต่ในฐานะที่เป็นผู้นำประเทศ เราก็ไม่สามารถบอกประเทศอื่นได้ว่าดิฉันจะไม่รักษาประชาธิปไตย จะให้คนอื่นมาฉีกรัฐธรรมนูญได้ เป็นใครอยู่ในหน้าที่ของหน้าที่ตนเอง ทหารเองก็ต้องทำหน้าที่ตนเองในสนามรบจนนาทีสุดท้ายเหมือนกัน”
ต่อข้อถามว่าจำเป็นต้องหาคนกลางมาช่วยประสานแก้ปัญหาหรือไม่ รักษาการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนหวังถ้านายสุเทพมาหาวิธีคุยกันน่าจะมีโอกาสสามารถแก้ปัญหาไดั แต่ไม่ใช่เป็นการดีเบตออกมาตั้งเงื่อนไขท้าทายกัน มันก็ไม่จบ ถ้าไม่จบเราก็มีคนกลางเข้ามาช่วย ก็อาจจะเป็นโอกาสที่ดี ในการเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน แต่อย่างไรก็ตาม ตนคงไม่สามารถที่จะบอกว่าเป็นผู้รักษากติกา รักษาประชาธิปไตยแล้วบอกว่าเราจะเจรจาบนเงื่อนไขที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส.ระบุว่า นายสุเทพ เป็นกบฏไม่อยู่ในสถานะที่จะเจรจากับนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า อยากที่เรียนต้องมีหลายๆ ฝ่ายช่วยกัน และต้องคุยกันว่าทุกอย่างในกติกาเราจะไปอย่างไร หากต่างคนต่างไม่ได้คุยในกรอบเลยคงเป็นไปได้ยาก ต้องเริ่มพูดถึงวิธีการที่จะพูดคุยกันจะมาอย่างไรมถ้าเรามีความจริงใจต่อกัน ไม่จำเป็นหรอกที่จะมาท้าทายกันตามหน้าสื่อแบบนี้
ส่วนที่ก่อนหน้านี้นายสุเทพระบุนายกฯ ไม่มีอำนาจตัดสินใจ จึงไม่มีการเจรจา แต่วันนี้ประกาศจะเจรจากับนายกฯ ตัวต่อตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า “ดิฉันเองไม่ใช่นักโต้วาที ไม่มีความชำนาญที่จะมาโต้ดีเบตกับนายสุเทพ แต่มีความจริงใจให้ประะเทศเดินหน้าได้ เราหันมาหาวิธีการหาทางแก้ดีกว่า วันนี้เราทุกคนต่างเจ็บปวด ประเทศเจ็บปวด ผู้ชุมนุมก็เจ็บปวด ไม่อยากเห็นความรุนแรงต่างๆ ขอร้องเถอะ ดิฉันเองเชื่อว่าที่นายสุเทพบอกว่าตนตัดสินใจเองไม่ได้ เพราะการตัดสินต้องเป็นของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่การตัดสินใจของยิ่งลักษณ์เพียงเดียว”
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรในการใหัเลขาฯ ยูเอ็นมาเป็นคนกลางแก้ปัญหา นายกฯ ตอบว่า การรับความคิดดีๆ ความคิดต่างๆ ก็น่าจะเป็นสิ่งดี สหประชาชาติก็เคยช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างต้องหันมาหน้ามาพูดคุยกัน อันนี้เป็นเรื่องหลักมากกว่า
สำหรับภารกิจวันที่สามในการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.เชียงใหม่ วันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ เดินทางลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าและเยี่ยมชมการทำงานของเจ้าหน้าที่โครงการจัดตั้งธนาคารกิ่งไม้ ใบไม้ ตามนโยบายรัฐบาลในโครงการพัฒนาชุมชนร้อยเมือง สร้างเมือง ที่ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล 9 แสนบาท ซึ่งเป็นต้นแบบชุมชนการป้องกันปัญหาหมอกควัน โดยนายกฯ กล่าวว่าโครงการนี้ร้อยเมืองสร้างเมืองภายใตักองทุนพัฒนาเมือง ที่ต้องมีการต่อยอด มีการประกวดซึ่งนำไปสู่การได้รับงบฯมาดำเนินโครงการ และเกิดความร่วมมือของคนในหมู่บ้าน
จากนั้น นายกฯ ได้เข้ารับการทำพิธีผูกข้อมือรับขวัญจากพ่ออุ๋ยหนานมา จีนาราช อายุ 80 ปี แม่อุ๋ยทูล ศรีวิชัย อายุ 82 ปี ผู้เฒ่าผู้แก่อ.แม่เหียะ มีการสวดอิติปิโส 8 ทิศ 8 ด้าน ซึ่งมีความหมายขอให้อยู่ดีมีสุข มาดีไปดี ทำงานต่างประสบความสำเร็จ ปัดเคราะห์ปัดโศกให้กับนายกฯและหมวดหมู่ โดยมีรูปหล่อจำลองพระนางจามเทวีประกอบในพิธี
ต่อจากนั้น นายกฯ เดินทางไปที่วัดพระธาตุดอยคำ ต.แม่เหียะ อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ กราบไหว้พระนางเจ้าจามะเทวี ซึ่งเป็นองค์ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย พระนางเป็นปราชญ์ที่มีคุณธรรม ความสามารถ กล้าหาญ สร้างสรรค์ประโยชน์สุขแก่ชาวเมือง และกราบไหว้หลวงพ่อทันใจ โดยได้จุดธูปถวายพวงมาลัยดอกมะลิ จำนวน 51 พวง ตามธรรมเนียมปฏิบัติ พร้อมกราบนมัสการพระพุทธรูปในพระอุโบสถหลังเก่า ขณะที่เจ้าอาวาสได้ผูกสายสิญจ์และให้เหรียญหลวงพ่อทันใจให้แก่นายกฯ และสักการะพระธาตุดอยคำ และพระรอดหลวง พร้อมให้พรขอให้สำเร็จๆ และได้เชิญชวนให้นายกฯเดินดูรอบๆวัด เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยมาที่นี่เหมือนกัน
ต่อมาเวลา 12.10 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นประธานประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ไปยังจ.ปราจีนบุรี ติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถบัสเช่านักเรียนโรงเรียนบ้านดงหลบจ.นครราชสีมา ไปยังหาดจอมเทียน จ.ชลบุรี ประสบเหตุเบรกแตกพุ่งชนรถพ่วง ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี โดยการประชุมดังกล่าวมี นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม และนางจิตรา พรหมชุติมา ผู้ว่าฯปราจีนบุรี ร่วมประชุม โดย นพ.ประดิษฐ์ สิทธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข กล่าวรายงานมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 15 ราย เป็นผู้ใหญ่ 3 ราย เด็ก 12 ราย มีผู้บาดเจ็บต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล 19 ราย ผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 26 ราย ทั้งนี้ ผู้รับบาดเจ็บมีอาการสาหัส 9 ราย
ขณะที่ นายกฯ กล่าวเน้นว่า ต้องตรวจเรื่องความถูกต้องของใบอนุญาตและความชำนาญของผู้ขับขี่ ที่ต้องฝากเจ้าหน้าที่แก้ไข รวมถึงฝากทุกหน่วยงานรัฐหรือโรงเรียนที่จะมีนักเรียนไปคณะใหญ่ ขอให้มีการตรวจสอบความพร้อมของผู้ขับขี่ทั้งใบอนุญาตและความชำนาญ หากไม่พร้อมขออย่าเดินทาง และระยะยาวต้องแก้ไขเส้นทางต่างๆที่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งรัฐบาลใหม่จะต้องนำมาพิจารณา อย่างไรก็ตามตนขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บด้วย และหากทาง จ.ปราจีนบุรี มีอะไรให้รัฐบาลช่วยเหลือก็ขอติดต่อมาได้
ด้านนายชัชชาติ รายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่ารถบัสนักเรียนดังกล่าว เดินทางออกจากจ.นครราชสีมาในเวลาประมาณ 03.00-04.00 น. ซึ่งคิดว่าไม่ควร จากนี้การเดินทางลักษณะนี้จะขอให้ออกเดินทางในช่วงเช้าพื่อความปลอดภัย และพบว่าอุบัติเหตุครั้งนี้รถที่ใช้บรรทุกนักเรียนเป็นรถเช่า และพนักงานขับรถก็ไม่มีใบขับขี่สาธารณะ มีเพียงใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลเท่านั้น เรื่องนี้จึงขอให้อธิบดีกรมการขนส่งทางบกดูแลและต้องเอาผิดผู้ประกอบการด้วย
หลังเสร็จภารกิจที่ไนท์ซาฟารี เวลา 14.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางถึงศูนย์แสดง จำหน่าย และกระจายสินคัาโอทอป ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เพื่อติดตามนโยบายรัฐบาลหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอทอป) โดยมีประชาชนและกลุ่มคนเสื้อแดง มารอให้การต้อนรับเป็นจำนวน ต่างให้กำลังนายกฯ สู้ๆ อย่าลาออก จากนั้นนายกฯ ได้เยี่ยมชมสินค้าโอทอป พร้อมมอบนโยบายว่า การที่จะขายสินค้าได้มากขึ้น ปริมาณมากขึ้น ก็จะต้องมีการปรับตัวเองด้วย ทั้งในเรื่องคุณภาพ ดีไซน์ ควบคุมให้ได้มาตรฐาน เรียกได้ว่าต้องดำเนินการให้ได้ตรงใจผู้ซื้อ มีการรวมตัวของชุมชน และขยายตลาด ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนในด้านต่างๆ รวมถึงการจัดหาตลาด อย่างไรก็ตาม นายกฯ ยังได้อุดหนุนซื้อสินค้าโอทอป โดยเป็นกระเป๋าหนัง 2 ใบ ราคาใบละ 2,800 บาท กับราคา 2,400 บาท
ขณะที่วันเดียวกันนี้ ภายหลังนายกฯให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ที่จ.เชียงใหม่ นายกฯได้โพสต์ตอนหนึ่งของการสัมภาษณ์ที่ว่า "ในฐานะรมว.กลาโหม หรือในลักษณะของทหารที่บอกว่า ทหารต้องทำหน้าที่ของตนเองจนนาทีสุดท้าย ทหารต้องตายในพื้นที่ในสนามรบ วันนี้ในฐานะที่ดิฉันต้องรักษาประชาธิปไตยก็ขอตายในสนามประชาธิปไตย ดีกว่าปล่อยให้ใครมาทำลายระบอบประชาธิปไตยของเรา ผ่านทางเฟซบุ๊ก"Yingluck Shinawatra"