“องอาจ” ตอก นายกฯปัดความรับผิดชอบ เหตุลอบกัด กปปส.คร่า 3 ชีวิตที่ตราดไม่ได้ เผยพลีชีพ 16 ราย เจ็บ 600 ยังจับไม่ได้ ย้อนคดี “ขวัญชัย” จับอย่างเร็ว เชื่อรุนแรงหนักขึ้น คาดหวังยื้อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เชื่อ ศรส.อุทธรณ์ศาลแพ่งอ้างปี 53 เป็นหมัน เหตุศาลชี้แดงชุมนุมไม่สงบ บัญชีเงินเข้าผิดปกติ “มัลลิกา” ประกาศหานายกฯ ฉะทิ้งปัญหาทำสูญเสีย ข้องใจหายที่มีตายตลอด
วันนี้ (23 ก.พ.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุการณ์รุนแรงที่มีการกราดยิง และปาระเบิด เวที กปปส.ที่จังหวัดตราด เมื่อวันที่ 22 ก.พ.57 จนมีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บกว่า 30 คนว่า เป็นเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง หลังศาลแพ่งมีคำสั่งห้าม 9 ข้อ เมื่อวันที่ 19 ก.พ.57 ไม่ให้ ศรส.ปฏิบัติตามประกาศที่ออกมาควบคุมการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการกระทำกับกลุ่ม กปปส.เป็นหลัก จึงเห็นว่าไม่ใช่เรื่องปกติ และรัฐบาลไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ซึ่งไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหนเหมือนล่องหน แต่ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น หากไม่ดำเนินการใดๆ ก็จะทำให้ประชาชนสงสัยได้ว่าเป็นความประสงค์ทางการเมืองของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่ โดยในขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 16 ราย บาดเจ็บกว่า 600 ราย แต่ไม่สามารถจับมือใครดมได้ แตกต่างจากกรณี นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ตำรวจสามารถจับตัวผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว ทั้งที่ไม่มีหลักฐานชัดเจนเหมือนกรณีที่เกิดกับผู้ชุมนุม
ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่แน่ใจว่าผู้มีอำนาจต้องการสร้างสถานการณ์เพื่อคงการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ อย่างไรก็ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องสั่งการดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เพราะมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนที่ชุมนุมโดยสงบได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ
ส่วนกรณีที่ ศรส.จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลแพ่ง โดยอ้างว่าการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นลักษณะเดียวกับเหตุการณ์ปี 2553 นายองอาจ กล่าวหาว่า ผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรงนั้น ตนเห็นว่าไม่สามารถนำมาเทียบกันได้ เพราะมีความแตกต่างกันมาก รัฐบาลอภิสิทธิ์ในปี 52-53 ศาลมีคำพิพากษาชัดเจนว่าการชุมนุมของ นปช.ไม่สงบ ใช้อาวุธ ขณะเดียวกัน การสั่งอายัดบัญชีก็มีความชัดเจนว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีผู้เกี่ยวข้องกับการชุมนุมมากผิดปกติมีลักษณะเป็นเครือข่ายโยงใยกัน แตกต่างจากในปัจจุบันที่ผู้ชุมนุมใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนว่า กปปส.เป็นฝ่ายกระทำไม่ใช่เป็นผู้กระทำใช้ความรุนแรงที่เข้าข่ายการก่อการร้าย
“การใช้อำนาจของ ศรส.ในขณะนี้ขัดต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตรา 11 เพราะผู้ชุมนุมไม่ได้มีพฤติกรรมเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าคำอุทธรณ์ของ ศรส.จะเป็นหมัน เพราะผู้ชุมนุมปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย ซึ่งจะทำให้รัฐบาลไม่สามารถกลับมาใช้ประกาศตามอำนาจ ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้อีก และเห็นว่าไม่ควรมีการตั้งคำถามให้ศาลแพ่งตอบ เพราะศาลไม่ได้เป็นที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล แต่รัฐบาลต้องเลิกทำไขสือไม่รู้เรื่อง หรือพยายามสร้างความเข้าใจผิดกับประชาชน เนื่องจากรัฐบาลสามารถใช้กฎหมายอื่นเข้ามาดูแลการชุมนุมได้หากมีการทำผิดกฎหมาย”
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์หายตัวไป 5 วัน และเกิดเหตุรุนแรงหลายครั้ง จนทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย จึงขอประกาศหาผู้นำหาย เพราะขณะนี้ประเทศขาดสภาวะไร้การนำของผู้นำประเทศ การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ละทิ้งปัญหาไว้ในมือทีมที่ปรึกษาที่เป็นสายเหยี่ยว ทำให้เกิดเหตุสูญเสียไม่เว้นแต่ละวัน จึงขอให้หยุดการสังหารประชาชนเพื่อปรามการชุมนุมและรักษาอำนาจโดยมิชอบของตัวเอง ขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้ามาบัญชาการด้วยตัวเอง โดยถอยอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่ทำให้เกิดการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น
"ขอตั้งข้อสังเกตว่าทุกครั้งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หายตัวไปจะมีคนตายเสมอ ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง 2 ก.พ.ก็มีผู้้เสียชีวิต มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายและฮาร์ดคอร์เสื้อแดงทำร้ายประชาชน จึงขอถามว่าท่านรู้เห็นเป็นใจกับการสังหารหมู่ประชาชนโดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ จ.ตราด หรือไม่”