กปปส.คึกคัก มวลชนร่วมสมทบ “สุเทพ” ไล่ “ยิ่งลักษณ์” เต็มหน้าสำนักปลัดกลาโหม ด้าน “ปู” ชิ่งไม่กล้าเข้าทำงาน ขณะที่ คปท.ปักหลักในที่ตั้ง สกัดตำรวจเข้าสลายการชุมนุมยึดทำเนียบคืน
บรรยากาศการชุมนุมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เช้าวันนี้ (19 ก.พ.) เวทีแยกปทุมวัน ซึ่งเป็นเวทีหลักมวลชนต่างตื่นขึ้นมาปฏิบัติภารกิจส่วนตัวแต่เช้า พร้อมรับประทานอาหาร เพื่อเตรียมเคลื่อนขบวนร่วมกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ที่ประกาศยกระดับการชุมนุม นำมวลชนเวทีแยกราชประสงค์ เวทีอโศกมนตรี เวทีสวนลุมพินี สีลม เดินทางไปกดดันให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลาออกจากตำแหน่งในทุกพื้นที่ ในเวลา 10.00 น. โดยเป้าหมายแรกเดินทางไปยังสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม แจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของ กปปส.ซึ่งมีมวลชนจากกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมทั้งชาวนาต่างทยอยเดินทางเข้าสมทบเป็นจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน กปปส.เวทีศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งมีหลวงปู่พุทธะอิสระควบคุม มวลชนต่างตื่นขึ้นมาทำภารกิจส่วนตัวเพื่อเตรียมตัวเคลื่อนมวลชนเข้าสมทบกับนายสุเทพ ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมด้วย อย่างไรก็ตาม การชุมนุมที่ถนนแจ้งวัฒนะ ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา รวมถึงขณะนี้ยังคงเป็นไปอย่างเรียบร้อย ไม่มีการก่อกวนอย่างเช่นหลายวันที่ผ่านมา
ด้านกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) แนวร่วม กปปส.ที่ปักหลักอยู่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพิษณุโลก เพื่อดูแลพื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาลไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และรัฐมนตรีเข้าทำงาน มวลชนตื่นขึ้นมาปฏิบัติภารกิจส่วนตัว เพื่อเตรียมรับมือตำรวจที่อาจจะนำกำลังเข้ามาเจรจาขอคืนพื้นที่ ภายหลังจากที่เมื่อวานนี้มีการเจรจาไปแล้ว 2 รอบแต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ โดยทั้งสองฝ่ายยังไม่ตกลงว่าจะมีการเจรจาอีกครั้งเมื่อใด
มีรายงานด้วยว่า นายอิสสระ สมชัย แกนนำ กปปส.ได้นำมวลชนบางส่วนเข้าสมทบกับ คปท.เพื่อรักษาพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลในวันนี้ด้วย เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมเพื่อนำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าทำงานในทำเนียบ ตามแผนที่ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) รับคำสั่งจากรัฐบาลมา
ส่วนบรรยากาศบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ซึ่งมวลชนกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) และกองทัพธรรม ยึดพื้นที่อยู่ เช้านี้ยังคงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หลังจากเมื่อวานเกิดเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระหว่างการขอคืนพื้นที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 นาย เป็นมวลชน 3 ราย และตำรวจ 1 นาย บาดเจ็บ 64 ราย โดย กปท.และกองทัพธรรม ได้ปิดการจราจรถนนราชดำเนินทั้งสองฝั่ง จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถึงแยกผ่านฟ้าลีลาศ พร้อมนำรถตักมายกสิ่งของต่างๆ ที่เสียหายจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น เศษกระถางต้นไม้ รถยนต์ และยางรถยนต์ มาปิดกั้นถนนไว้เพื่อความปลอดภัยแก่ผู้ชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม ถ.แจ้งวัฒนะ ว่าได้มีประชาชนเดินทางมายังสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมตั้งแต่เช้า ขณะที่มวลชน กปปส.บางส่วนเดินทางล่วงมาถึงแล้ว นำโดยนายชุมพล จุลใส แกนนำ กปปส. ท่ามกลางการดูแลความสงบของทหารจาก พล.ปตอ. โดยยังไม่มีรัฐมนตรีคนใดเดินทางมาเข้ามาที่สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม โดยทางเจ้าหน้าที่ทหารได้กล่าวเตือนมวลชนว่าอย่าเข้ามาใกล้พื้นที่เด็ดขาด
ทั้งนี้มีรายงานข่าวด้วยว่า ในวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี จะไม่เดินทางเข้ามาที่สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม
พล.ต.สุรชาติ จิตต์แจ้ง หัวหน้าส่วนประชาสัมพันธ์และสารสนเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า ในวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และ ครม.ไม่มีภารกิจเดินทางเข้ามาทำงานที่สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม เนื่องจากได้ตระหนักดีว่าการที่กลุ่ม กปปส.ได้ประกาศว่าจะเดินทางมากดดันการทำงานของรัฐบาล อาจจะทำให้การทำงานของข้าราชการ และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงได้รับแรงกดดันจนเกิดภาวะตึงเครียดจากการชุมนุมทางการเมือง อย่างไรก็ดี พร้อมที่จะให้ตัวแทนของผู้ชุมนุมเข้ามาตรวจสอบภายในสำนักงาน เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าไม่มีบรรดา ครม.เข้ามาทำงานจริง
ส่วนกรณีที่มีผู้ไม่หวังดีโปรยตะปูเรือใบบริเวณสะพานข้ามแยกเมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ได้เพียงบางส่วน จึงได้ฝากเตือนผู้ที่จะสัญจรไปมาในพื้นที่ให้ขับขี่รถด้วยความระมัดระวัง อย่างไรก็ดี หลังจากมีการแถลงดังกล่าว ผู้ชุมนุมก็ยังคงไม่มีท่าทีที่จะยกเลิกการชุมนุมแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มวลชน กปปส.เวที่แยกปทุมวัน แยกราชประสงค์ แยกอโศก และเวทีสวนลุมพินี สีลม ต่างทยอยเดินทางด้วยรถยนต์ขึ้นทางด่วนไปลงที่เมืองทองธานี และถนนแจ้งวัฒนะ นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพื่อสมทบกับผู้ชุมนุมหน้าสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมแล้วเช่นกัน โดยขบวนเดินทางไปถึงในเวลา 10.30 น. ซึ่งทันทีที่นายสุเทพมาถึงสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม มวลชนต่างเป่านกหวีดต้อนรับ จากนั้นได้ขึ้นปราศรัยกับผู้ชุมนุม
ต่อมา เวลา 12.00 น.นายสุเทพ พร้อมด้วยแกนนำ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ แกนนำ กปปส.เข้าเจรจาพล.อ.อภิชาต แสงรุ่งเรือง ผู้อำนวยการศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศพลังงานทหาร (ศอพท.) พร้อมด้วยพล.ท.อดุลยเดช อินทะพงษ์ เจ้ากรมการเงินกลาโหม โดยพล.อ.อภิชาต กล่าวว่า การเข้ามาในสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นการทำงานตามปกติ ในฐานะผู้บังคับบัญชาของทหาร ซึ่งไม่เคยสั่งการให้ใช้กำลังทหารดำเนินการกับผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ทหารที่มาประจำการที่นี่ก็ไม่ได้ติดอาวุธ
นายสุเทพ กล่าวว่า ในฐานะที่เคยทำงานร่วมกันมา ตนเองมีความปรารถนาดีต่อทหารมาโดยตลอด ในบรรดานักการเมืองพลเรือน กล้าพูดได้ว่ามีความเคารพรักบรรดาทหารหาญของประเทศ ในฐานะที่เป็นทหารของพระเจ้าอยู่หัว ทหารของประชาชน ตนปฏิบัติด้วยความนับถือมาโดยตลอด ไม่ว่าจะชั้นยศอะไรก็ตาม ซึ่งที่มาในวันนี้ (19 ก.พ.) มีเหตุจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ว่ามวลมหาประชาชนได้ประกาศชัดเจนว่าจะต้องขจัดระบอบทักษิณ ให้หมดไปจากประเทศไทย นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นชิ้นส่วนสุดท้ายของระบอบทักษิณที่อยู่ในประเทศนี้ ต้องออกไป เหตุผลคือ ระบอบทักษิณเป็นภัยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งช่วงที่ได้ทำงานร่วมกันมีหลักฐานที่แสดงอาการว่ามุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งคนไทยรับไม่ได้อยู่แล้ว แต่บนเวทีตนเองไม่ได้พูดเรื่องนี้เนื่องจากไม่ต้องการนำมาเป็นประเด็นขัดแย้ง รวมถึงเรื่องที่รัฐบาลใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม ใช้อำนาจโดยไม่เคารพกฎเกณฑ์กติกาของกฎหมาย ไม่ได้ปกครองด้วยหลักกฎหมาย ฆ่าคนเรื่องยาเสพติด โดยอ้างว่าปราบยาเสพติด ฆ่าคนที่ภาคใต้โดยอ้างว่าเป็นแกนนำแบ่งแยกดินแดน เป็นต้น ทำให้เกิดความเสียหายมากมาย
ทั้งนี้เมื่อระบอบทักษิณ ขึ้นมาเป็นใหญ่ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นรัฐตำรวจ ตำรวจทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง เป็นศาลเตี้ยจะดำเนินการกับใครอย่างไรก็ได้ ถือว่าไม่ได้เคารพสิทธิของประชาชน เอาอำนาจที่ประชาชนมอบให้ไปใช้ตามอำเภอใจ แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อรวบอำนาจไว้ที่ตัวเอง ออกกฎหมายล้างผิดนิรโทษกรรมให้กับบุคคลที่ศาลพิพากษาแล้วว่ากระทำความผิดกฎหมายต้องโทษจำคุก รวมถึงการฆ่าทหารพล.อ.ร่มเกล้า ยุวธรรม ที่กลางถนนในวันที่ 10 เม.ย. ซึ่งตนเองลืมไม่ได้ เพราะทหารไปทำงานเุพราะตนเองขอร้องให้ไป โดยไม่มีอาวุธ ซึ่งที่ต้องขอร้องให้ทหารดำเนินการ เนื่องจากตำรวจในกทม. เป็นตำรวจมะเขือเทศไม่ทำงาน เช่นเดียวกันเหตุการณ์เมื่อวาน (18 ก.พ.) ที่สะพานผ่านฟ้าขอประชาชนเมื่อเจ้าหน้าที่มา ให้นั่งสวดมนต์ แต่เจ้าหน้าที่ยิงประชาชน ตีประชาชนที่กำลังสวดมนต์ ซึ่งรับไม่ได้ และแสดงให้เห็นว่าความเลวร้ายของระบอบทักษิณที่มีอยู่ได้ทำลายบ้านเมือง ทำลายคุณความดีของคนไทยที่มีอยู่ระหว่างการชุมนุม
ส่วนเรื่องที่น่ากลัวที่สุดคือ การทุจริตคอร์รัปชั่น โครงการรับจำนำข้าว มีการทุจริตเป็นจำนวน 7-8 แสนล้านบาท ขาดทุนแน่นอนอยู่ที่ 4-5 แสนล้านบาท แถมชาวนาไม่ได้รับเงินค่าข้าวจนเดือดร้อนกันไปหมด การทุจริตคอร์รัปชั่นทำลายประเทศแรงกว่าเรื่องอื่น รับไม่ได้อีกต่อไป ตนเองเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลความมั่นคง ก็ไม่เคยเข้าแทรกแซงในการจัดซื้อจัดจ้าง ต่างๆ แต่วันนี้สถานการณ์ไม่เป็นอย่างนั้น ไม่ได้มีการโกงกันร้อยละ 5-10 แต่โกงกันร้อยละ 30-40 จะเหลืออะไรมาพัฒนาประเทศ การเล่นพวกเข้ามาในวงราชการทำให้ระบบราชการพังยั้บ มีอย่างที่ไหนคนที่จะเป็รนายพลตำรวจ ออกมาบอกว่าได้ดีเพราะพี่ให้ กล้าทำทุกอย่างเมื่อรับคำสั่งมาไม่คำนึกถึงความถูกผิด ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่คนไทยรับไม่ได้ ประชาชนออกมาต่อต้านไม่ใช่เพราะตนเอง แต่เพราะมีการสะสมในหัวใจ 10 กว่าปีแล้ว รอวันไหนถึงจะได้ลุกขึ้นมาต่อสู้ รวมถึงตนเองไม่ทำเพื่อหวังผลทางการเมือง เป็นการทำเพื่อการปฏิรูปประเทศให้ประชาชนมีอำนาจในการปกครองบ้านเมือง เลือกผู้ว่าราชการจังหวัดได้ ไม่มีนโยบายประชานิยมอีกต่อไป รวมถึงการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะหน้า และคิดว่าทำได้ภายใน 1 ปี
นายสุเทพ ยืนยันว่า ตนเองไม่เคยคิดเป็นใหญ่ เมื่อเอานายกรัฐมนตรี ออกไป และหาคนที่ประชาชนยอมรับนับถือมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน จัดตั้งรัฐบาลประชาชน ไม่ให้มีนักการเมืองมาเกี่ยวข้อง แล้วปฏิรูปประเทศ ตั้งสภาประชาชน มีข้าราชการ พ่อค้า นักธุรกิจ ไม่ให้มีนักการเมือง จากนั้นบ้านเมืองจะเดินหน้าได้อย่างปกติ ขณะเดียวของฝากถึงพล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ด้วยว่า ไม่ต้องการให้รัฐบาลใช้สถานที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ในการทำงานอีกต่อไป ไม่ว่าจะในฐานะไดก็ตาม ทั้งนี้ไม่ใช่การข่มขู่ หรือบังคับทหาร แต่เป็นการแจ้งให้ทราบ เพราะถ้านางสาวยิ่งลักษณ์ ยังมาทำงานที่นี่ ประชาชนก็จะมาล้อมทุกวัน และอาจจะต้องอยู่ 24 ชั่วโมง มีการย้ายเวทีมาอยู่ที่นี่ เพราะต้องการให้ออกไป และถ้าทราบว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ มาทำงานที่นี่อีกเมื่อไร เราจะขออนุญาตเข้าพื้นที่ จะต้องจบโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ขอฝากให้ทหารได้คิดว่า ทหารก็มีหน้าที่ต่อบ้านเมือง เป็นเจ้าของประเทศเหมือนพวกเราทุกคน แต่ทหารหนักกว่าเพราะได้ปฏิญาณตนต่อหน้าพระพักตร์ ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าจะเอาอะไรมาพูด ถามใจตัวเองแล้วกันว่าวันนี้ระบอบทักษิณมันทรยศต่อสิ่งที่ปฏิญาณเอาไว้ ขอขอบคุณทหารทุกระดับในการปฏิบัติต่อผู้ชุมนุม รวมถึงการวางตัวของทหารทั้ง 3 เหล่าทัพ ซึ่งเป็นที่พอใจ แต่สิ่งที่ต้องเรียกร้องคือ เมื่อเห็นประชาชนออกมาขนาดนี้แล้ว ถ้าพวกทหารตัดสินใจยืนข้างประชาชนเมื่อไร เรื่องก็จบ และสามารถเข้ามาช่วยเรากำหนดอนาคตประเทศไทยได้ด้วย ถ้าปล่อยเรื้อรังอยู่อย่างนี้ก็ยังคงเป็นปัญหาต่อไป ซึ่งตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกเราจะยกระดับการต่อสู้มากขึ้น นางสาวยิ่งลักษณ์ อยู่ที่ไหนก็จะตามไปทุกที่ โดยยืนยันว่าจะไม่ให้เข้าทำเนียบรัฐบาลอย่างแน่นอน และขอความกรุณาว่าทหาร 3 เหล่าทัพแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว ขอสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเข้าใจผู้ชุมนุม และกำหนดท่าทีของทหารให้ชัดเจนด้วย
ขณะเดียวกัน นายสุเทพ กล่าวต่อว่า กลุ่มผู้ชุมนุม จะไม่มารบกวนที่นี่อีกเลย ตรายใดที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่มาทำงานที่สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม แต่ถ้ามาเราก็ต้องมา และขอร้องทหารว่าอย่าโกรธกันถ้าจะต้องดำเนินการอย่างอื่นมากขึ้น ไม่มีเจตนาทะเลาะกับทหาร แต่มีเจตนาทะเลาะกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่เลิกจนกว่าจะออกไป
นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลหมดความชอบธรรมตั้งแต่ได้ปฏิเสธ คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว และประชาชนไม่ยอมให้ปกครองประเทศแล้ว
พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ทหารเป็นทหารของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและประชาชน สิ่งที่เราดูแลตามหน้าที่คือดูแลตึกสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม แต่บังเอิญตึกนี้มีห้องทำงานของรมว.กลาโหม ซึ่งมีบางงานที่รมว.กลาโหมต้องมาลงนาม ยืนยันว่าถ้าเกิดนายกฯอยู่ก็จะบอกว่าอยู่ ถ้าจะมาจับตัว ขอกันเลยว่า เข้ามาไม่ได้ ทหารสั่งให้ไปตายก็ตายได้ตามหน้าที่
พล.อ.อดุลยเดช อินทะพงษ์ กล่าวว่าพล.อ.ร่มเกล้า เป็นรุ่นน้องตนเหมือนกัน การตายของพล.อ.ร่มเกล้า อยู่ในความรู้สึกของทหารทุกคนไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน แต่อยากจะบอกว่าที่ผ่านมาลักษณะแบบนี้ เข้าใจว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องตอบสนองต่อรัฐมนตรี ทหารก็เหมือนพลเรือน ประชาชนทั่วไป รับรู้ข่าวสาร จึงมีความเข้าใจ
หลังการเจรจา พล.อ.อภิชาต ยังให้สัมภาษณ์ด้วยว่าที่บอกว่า ทหารยอมไม่ได้หากเข้ามาจับตัวนายกฯว่า หมายความว่าหากมีการรุกล้ำเข้ามาในตัวอาคารก็ต้องพูดคุยกันแบบทหาร และคิดว่านายสุเทพ ก็เข้าใจว่าทหารทำตามหน้าที่ คงไม่บอกว่าเข้าหรือห้ามเข้าเด็ดขาด และที่ประกาศจะจับตัวนายกฯ เพียงแต่ตนมาคุยกับนายสุเทพว่า นายกฯไม่ได้อยู่ในนี้ และกระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานที่ต้องทำงานตลอดเวลา ที่ผ่านมานายกฯเข้ามาทำงานในฐานะรมว.กลาโหม
เมื่อถามว่า เสียความรู้สึกไหมที่ม็อบเข้าในพื้นที่ทหาร พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ถ้าไม่ได้พังเข้ามาได้ ท่านก็ทำหน้าที่ เราก็ทำหน้าที่ไม่ได้ว่าอะไร หากนายกฯมาทำงานที่สป.กห.ม็อบตามมาปิดล้อมอีก ตรงนี้ก็ต้องว่ากันไป ตนคงไปเรียนไม่ได้ว่านายกฯจะมาหรือไม่มา เพราะเราไม่มีอำนาจตรงนั้น อย่างที่เรียนทหารเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและของประชาชน ได้รับนโยบายเด็ดขาดไม่ให้ทำร้ายประชาชน เรื่องของการเมืองยืนยันว่า ต้องแก้ไขด้วยการเมือง ถึงเป็นการเมืองภาคพิเศษก็ตามที เราก็จะอยู่ภายในรั้วของทหาร และความมั่นคง
มีรายงานว่า ก่อนที่นายสุเทพ จะเดินออกจากห้องได้มีข้าราชการทหารในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม มอบเงินใส่ซองสีน้ำตาลให้กับนายสุเทพ พร้อมกับบอกว่า ขอมอบเงินสมทบช่วยชาวนาด้วย
เวลา 13:00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณกล่าวปราศรัยบริเวณหน้าสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ถนนแจ้งวัฒนะ ว่า ภายหลังเข้าเจรจา พล.อ.อภิชาติ ภายในสำนักงานปลัดฯ ทราบว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐบาลไม่ได้เข้าใช้สถานที่ดังกล่าวในวันนี้
โดยนายสุเทพ ระบุว่า หลังจากนี้ กปปส.จะยกระดับการชุมนุม โดยพุ่งเป้าโจมตี ธุรกิจในเครือของตะกลูชินวัตร เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงของระบอบทักษิณ จึงขอประกาศเตือนล่วงหน้าแก่บรรดานักธุรกิจ ที่ถือหุ้นในเครือชินวัตร ให้ประกาศขายหุ้นให้หมด เพื่อไม่ให้กระทบต่อท่านเอง ซึ่งเป้าหมายแรก กปปส.จะมุ่งเป้าไปยัง บริษัทเอไอเอส และ บริษัทเอสซีแอสเซท
นอกจากนี้ นายสุเทพ ได้ให้มวลชนรับประทาน อาหารบริเวณหน้าสำนักงานปลัดฯ และเมื่อเสร็จสิ้น จะเคลื่อนขบวนรถยนต์ ตามไล่ล่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ต่อส่วนเป้าหมายคือสถานที่ใด จะแจ้งให้ทราบภายหลัง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 14.10 น.ที่ผ่านมา นายสุเทพได้ตัดสินใจพามวลชนเคลื่อนขบวนไปที่ศูนย์รักษาความสงบ(ศรส.)ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต
เวลา 15.00 น. นายสุเทพ พร้อมด้วย นายสาธิต วงศ์หนองเตย นายชุมพล จุลใส นายพุทธิพงษ์ นายปุณณกันต์ นายสกลธี ภัททิยกุล และมวชนจากเวทีต่างๆได้เคลื่อนขบวนรถยนต์จากสำนักงานปลัดกระหลาโหม ถนนแจ้งวัฒนะซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติงานชั่วคราวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี แต่ไม่พบ จึงเคลื่อนขบวนนำมวลชนมายังศูนย์นักษาความสงบ หรือ ศรส.เพื่อมาเยี่ยมร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการ ศรส.
โดยนายสุเทพ กล่าวว่า ข้าราชการตำรวจ ทั้งหลาย มวลชนไม่สามารถทนกับระบอบทักษิณ ซึ่งใช้อำนาจจากประชาชนนำไปใช้ทางที่ผิด เพื่อแสวงหาประโยชน์ ทุจริตคอรัปชั่น มวลชนจึงลุกขึ้นต่อสู้ขับไล่นางสาวยิ่งลักษณณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และระบอบทักษิณให้หมดไปจากประเทศไทย และรัฐบาลชุดนี้หมดความชอบธรรมตั้งแต่ปฏิเสธตำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ
ซึ่งตัวนางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นฟันเฟืองตัวสุดท้ายที่ต้องขับไล่ออกไป จึงวอนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าใจ และหันมาเคียงข้างกับประชาชน
และขอฝากเตือนร้อยตำรวจเอกเฉลิม. ที่ใช่กำลังเข้าสลายการชุมนุมมวลชนบริเวณ สะพานผ่านฟ้าวานนี้ว่า กปปส.จะตั้งทนายเอาผิดให้ขอหาฆ่าตนตาย และหากร้อยตำรวจเอกเฉลิม ยังมีคำสั่งสลายการชุมนุมอีก ตนจะนำมวลชนเข้ารื้อ ศรส.ทันที และหลังจากนี้ จะนำมวลชนตามไล่ล่านางสาวยิ่งลักษณ์ ทุกที่ เพื่อไม่ให้ทำงานอีกต่อไป
หลังจากกล่าวปราศรัยเสร็จสิ้น นายสุเทพ ได้นำมวลชนไปยัง อาคารชินวัตร 3 ถนนวิภาวดี ซึ่งเป็นท่อน้ำเลี้ยงของระบอบทักษิณ อีกด้วย โดยล่าสุดได้ประกาศจะมาชุมนุมใหม่พรุ่งนี้