“ชวนนท์” ซัด ศรส.รักษาความสงบรัฐ “ยิ่งลักษณ์” ไม่ใช่รักษาความสงบชาติ ตร.มุ่งทำร้าย ปชช. บี้ “เหลิม” หยุดปากมอมท้า ปชช. ยกเหตุภาค ปชช.เจอลอบกัดตลอด คดีไม่คืบ ควรยุบ ศรส.ทิ้ง “จุฤทธิ์” ตบปาก “น้องโอ๊ค” พ่อแม่ทำผิดเองอยากได้ของถูกกำไรมาก อยากแก้ปัญหาต้องเปลี่ยนนิสัย
วันนี้ (17 ก.พ.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ของศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) โดยเฉพาะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะ ผอ.ศรส.นั้น ไม่ใช่การรักษาความสงบให้ประเทศแต่เป็นการรักษาความสงบให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทั้งที่ตำรวจต้องดูแลประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน แต่กลายเป็นศูนย์ที่มีกองกำลังติดอาวุธเข้าประหัตประหารประชาชน และขอให้ ร.ต.อ.เฉลิมหยุดการท้าทายประชาชนเพราะยิ่งสร้างความแตกร้าวในสังคมไม่เป็นผลดีต่อการแก้ปัญหา เช่น การประกาศสลายการชุมนุมในพื้นที่ต่างๆ ทำให้ประชาชนลุกฮือต่อต้านและขยับไปล้อมทำเนียบรัฐบาล
ดังนั้น หากรัฐบาลยังดึงดันที่จะต่อสู้กับประชาชนจะยิ่งทำให้สถานการณ์รุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะภาคประชาชนถูกกระทำอย่างต่อเนื่อง เช่น กรณีการกราดยิงบ้านนายประมล สุทธีวงศ์ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่ง ศรส.ไม่ได้พยายามที่จะจับกุมตัวผู้กระทำผิด แต่กลับมีพฤติกรรมสร้างความขัดแย้งจึงเห็นว่าควรยุบ ศรส.ทิ้ง หากยังไม่หยุดพฤติกรรมข่มขู่ทั้งด้วยวาจาและการกระทำ รวมทั้งเร่งดำเนินคดีกับคนผิดที่สังหารประชาชนและนายตั้ง อาชีวะ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาลงโทษด้วย ไม่เช่นนั้น ศรส.ก็ไม่มีค่าอะไร นอกจากรักษาความสงบให้นางสาวยิ่งลักษณ์ เท่านั้น
ส่วนนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ที่อ้างว่ามีการกลั่นแกล้งจนทำให้บิดาและมารดาไม่ได้เจอกันมา 5 ปีว่า ความจริงคือมีการกระทำความผิดอยากได้ของถูกกำไรมากจนทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 100 จนถูกตัดสินจำคุกในคดีซื้อที่ดินรัชดา ทำให้ไม่กล้าเข้าประเทศไทยเพราะหากเข้ามาต้องติดคุกก่อน จึงต้องเร่ร่อนไปพม่าและยังไปทำพิธีในกัมพูชาหลายครั้ง โดยมีสมุนบริวารตามไปจำนวนมาก จึงเรียนว่าหากอยากให้ปัญหาหมดไป พ.ต.ท.ทักษิณต้องเปลี่ยนนิสัยตัวเอง กระทั่งทำบุญยังลงทุนน้อยแต่อยากได้บุญมาก เหมือนที่ต้องการของถูกกำไรมาก