“สดศรี” ฟันธงปัญหา 8 จว.ใต้ไร้ผู้สมัคร-26 ม.ค.เลือกตั้งล่วงหน้าไม่ได้ ไม่เข้าข่ายทำเลือกตั้งเป็นโมฆะ ย้ำ พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งคือ 2 ก.พ.เพียงวันเดียว ปัญหาที่เหลือคือเลือกตั้งซ่อม ท้า กกต. หากกลัวโมฆะให้ส่งศาล รธน.ตัดสิน
วันนี้ (31 ม.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่มีกระแสเกี่ยวกับการจัดเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไปในวันที่ 2 ก.พ.นี้ อาจเป็นโมฆะ เนื่องจากปัญหา 28 เขต 8 จังหวัดภาคใต้ไม่มีผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต และการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 26 ม.ค.ที่ผู้มีสิทธิไม่สามารถลงคะแนนได้ จึงมีผู้มองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นครั้งเดียว ในสถานการณ์เดียว อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 นั้น แต่ถ้าดูตามมาตรา 108 ที่ระบุว่าเมื่อมีการยุบสภา ก็ต้องมีการออกพระราชกฤษฎีกายุบสภาและกำหนดให้มีการเลือกตั้ง ไม่ต่ำกว่า 45 วัน และไม่เกิน 60 วัน อีกทั้งจะต้องกำหนดให้มีวันเลือกตั้งวันเดียว ซึ่งตามพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ก็ได้กำหนดไว้แล้ว คือวันที่ 2 ก.พ.ก็เป็นไปตามมาตรา 108 วรรคสอง
ส่วนการที่ 8 จังหวัดภาคใต้ที่ไม่มีผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต เนื่องจากถูกผู้ชุมนุมเข้าไปขัดขวางไม่ให้เข้าไปในสถานที่รับสมัครเลือกตั้ง จนทำให้ในวันที่ 2 ก.พ.นี้ 8 จังหวัดภาคใต้จะไม่มีการลงคะแนนเลือกผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต กกต.ก็ต้องกำหนดวันเลือกตั้งซ่อมทำให้ 8 จังหวัดนี้มีผู้สมัครให้ได้ จึงไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 วรรคสองหรือทำให้วันเลือกตั้งไม่ใช่วันเดียวแต่อย่างใด เพราะการดำเนินการรับสมัครก็เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ แต่มันเกิดเหตุปัจจัยที่ทำให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.ไม่ได้ กกต.ก็ต้องไปจัดเลือกตั้งซ่อมวันอื่น
นางสดศรี กล่าวอีกว่า เช่นเดียวกับกรณีที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าได้ในวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากมีการขัดขวางจากผู้ชุมนุมจนทำให้กรรมการประจำหน่วยต้องสั่งยุติการลงคะแนน ทาง กกต.จึงต้องรักษาสิทธิให้ผู้มีสิทธิเหล่านั้น ไปทำการเลือกตั้งในวันอื่น ซึ่งกรณีทั้ง 8 จังหวัดภาคใต้ และ วันเลือกตั้งล่วงหน้า ก็จะไปเข้าข่ายตามพ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.มาตรา 78 ที่ระบุให้กกต.สามารถงดการลงคะแนนเลือกตั้งหากเกิดภัยพิบัติ หรือเหตุจลาจลจนทำให้ไม่สามารถดำเนินการเลือกตั้งได้ ก็ให้เลื่อนไปเป็นวันอื่นจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ดังนั้นการที่ไปตีความทางข้อกฎหมายกันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นโมฆะเพราะไม่ใช่เป็นการจัดการเลือกตั้งในวันเดียว จึงเป็นสิ่งที่เข้าใจกันผิด เพราะพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้กำหนดวันเลือกตั้งไว้เพียงวันเดียวคือวันที่ 2 ก.พ.
“โดยส่วนตัวแล้วก็ไม่เห็นว่าการเลือกตั้งนี้จะเข้าข่ายเป็นโมฆะได้อย่างไร แต่ทางนักวิชาการบางส่วนหรือผู้ชุมนุมก็พยายามบอกว่าการเลือกตั้งจะเป็นโมฆะ ซึ่งผู้ที่จะต้องออกมาชี้แจงเรื่องนี้ให้เข้าใจก็คือ กกต.ต้องออกมาชี้แบบเป็นมติของ กกต.ทั้ง 5 คนว่าหากเห็นว่าการเลือกตั้งนี้จะเป็นโมฆะก็ควรออกมาพูดให้ชัดเจน เพราะการที่ กกต.บางคนออกมาบอกว่าการเลือกตั้งเสี่ยงที่จะเป็นโมฆะ มันก็จะเกิดคำถามว่า หากรู้ว่าเลือกตั้งแล้วจะเป็นโมฆะแล้วจะจัดเลือกตั้งไปทำไม ทำไมไม่ออกมาพูดตั้งแต่ตอนที่ 8 จังหวัดภาคใต้ไม่สามารถทำการรับสมัครผู้ลงเลือกตั้งได้ แต่ออกมาพูดในช่วงที่ใกล้จะเลือกตั้งก็อาจจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนและไม่ออกไปใช้สิทธิ” นางสดศรีกล่าว
นางสดศรี กล่าวว่า ถ้ามั่นใจว่าการเลือกตั้งจะเป็นโมฆะ กกต.ควรที่จะต้องมีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 108 วรรคสอง ว่าการที่ 8 จังหวัดภาคใต้ไม่มีผู้สมัครหรือวันเลือกตั้งล่วงหน้าผู้มีสิทธิไม่สามารถไปใช้สิทธิได้ จะทำให้ไม่ใช่เป็นการเลือกตั้งครั้งเดียว ขัดต่อมาตรา 108 วรรคสอง ก็ควรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะหากศาลเห็นตามมติของ กกต.ก็จะสั่งให้เป็นโมฆะ การเลือกตั้งครั้งนี้ก็จะจบลง เพราะดีกว่าปล่อยให้เลือกตั้งแล้วไม่ได้อะไร สูญงบประมาณไปเปล่าๆ อีกทั้งประชาชนจะได้หมดข้อสงสัย ตนก็อยากเห็นเหมือนกันว่าหาก กกต.ยื่นไปแล้ว และศาลรัฐธรรมนูญจะตีความเรื่องนี้ว่าอย่างไร