นายกฯ ประชุมสภากลาโหม หนีม็อบมาใช้ที่ บก.ทอ. จนท.รีบจับตุ๊กแกหนี โฆษก กห.แถลงผลประชุม นายกฯ ถกนอกรอบ ผบ.เหล่าทัพ ขอบคุณช่วยดูแล ปชช. หนุน ศรส.หลังมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แจงใช้ให้ราชการทำงานได้ ให้ลงโทษผู้นำภาพสถาบันแอบอ้าง ก่อนถกเลือกตั้งในที่ประชุม สั่งให้กำชับผู้ใต้บังคับบัญชาวางตัวให้เหมาะ และให้ไปใช้สิทธิ ขอให้เข้มงวดอาวุธราชการ พร้อมใช้วิจารณญาณรับสื่อออนไลน์ ยันกำลังพลมีวินัย หนุน กกต.หากร้องขอ
วันนี้ (23 ม.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมาร่วมการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 1 ประจำปี 2557 โดยมี พล.อ.ยุทธ์ศักดิ์ ศศิประภา ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และนายทหารระดับสูงเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง โดยปกติการประชุมสภากลาโหมจะใช้กระทรวงกลาโหมเป็นสถานที่ประชุม แต่เนื่องจากสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองทำให้ต้องย้ายมาประชุมสภากลาโหมที่ บก.ทอ.แทน ทั้งนี้ ก่อนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางมาประชุมสภากลาโหมได้ปรากฏมีตุ๊กแกตัวหนึ่งมาเกาะบริเวณประตูทางเข้าห้องรับรองพิเศษ ซึ่งเป็นสถานที่การประชุมสภากลาโหม ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องจับตัวตุ๊กแกออกจากบริเวณดังกล่าวก่อนที่นายกฯ จะเดินทางมา
จากนั้น พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงถึงผลการประชุมสภากลาโหมว่า ก่อนการประชุมสภากลาโหม นายกรัฐมนตรีและ ผบ.เหล่าทัพมีการพูดคุยนอกรอบประมาณ 30 นาที โดยมีการพูดคุยใน 3 ข้อ คือ 1. นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณกองทัพที่ให้ความร่วมมือกับ ศอ.รส.ในการดูแลพี่น้องประชาชนที่มาร่วมชุมนุม และขอบคุณที่กองทัพสนับสนุน ศรส.ที่มีการจัดการตั้งขึ้นใหม่หลังมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยมีการจัดแพทย์เคลื่อนที่ ชุดพยาบาลร่วมกันรักษาพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบในการชุมนุมห้วงที่ผ่านมา และยังมีการตั้งจุดตรวจร่วมระหว่างกองทัพกับตำรวจและประชาชน 2. นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำมาตรการดูแลเกี่ยวกับกฎหมาย โดยอยากให้เหล่าทัพกวดขันและลงโทษผู้กระทำความผิดที่มีการบิดเบือน นำภาพของสถาบันมาแอบอ้าง โดยให้มีมาตรการที่จริงจัง และลงโทษให้เด็ดขาด และ 3. การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทางนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงให้เหล่าทัพรับทราบว่า เป็นการประกาศเพื่อให้ส่วนราชการทำงานให้กับพี่น้องประชาชนได้ เพราะขณะนี้ประชาชนได้รับผลกระทบจากการที่ศูนย์ราชการถูกปิดลงไป โดยประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
พ.อ.ธนาธิปกล่าวว่า จากนั้นทาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เป็นประธานในการประชุมสภากลาโหม โดยก่อนเปิดการประชุม ทางนายกฯได้ขอบคุณกองทัพที่สามารถดูแลประชาชนในช่วงที่มีการชุมนุม และมีการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยเจ้าพนักงานในการรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชน นอกจากนี้ยังมีการสรุปแผนงานของกระทรวงกลาโหมในรอบ 1 เดือน ทั้งนี้ในที่ประชุมได้มีการพูดถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ตามที่ได้กำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 2557 โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและผบ.เหล่าทัพกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาให้วางตัวให้เหมาะสม ไม่สนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันข้อครหาที่อาจจะเกิดความเสื่อมเสียต่อกองทัพได้ พร้อมทั้งแจ้งให้กำลังพลตลอดจนครอบครัวได้ไปตรวจสอบรายชื่อ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง และให้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันดังกล่าว โดยพร้อมเพียง
พ.อ.ธนาธิปยังกล่าวถึงการควบคุมอาวุธ กระสุนและวัตถุระบิดตามที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบต่างๆ ทางการเมือง ซึ่งผู้ไม่หวังดีได้สร้างสถานการณ์ทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น และมีแนวโน้มว่า สถานการณ์จะทวีความรุนแรงมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่อยู่ในความดูแลของราชการสูญหาย และไปตกอยู่ในการครอบครอบของผู้ไม่หวังดี โดยอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองได้ ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ขอให้หน่วยขึ้นตรงและเหล่าทัพกำชับให้เข้มงวดกวดขัน ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้เพิ่มมาตรการในการดูแลรักษาอาวุธให้เป็นไปตามการรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ จากสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันได้มีการชุมนุมของกลุ่มบุคคลที่มีความคิดเห็นแตกต่างป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งได้มีการเผยแพร่และส่งข้อมูลข่าวสารผ่านสังคมออนไลน์กันอย่างกว้างขวาง เพื่อประโยชน์ในการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งบางข้อมูลมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงจนทำให้ผู้ที่รับข่าวสารเกิดความสับสน แตกแยกเกลียดชัง และมีความขัดแย้งในสังคมมากยิ่งขึ้น รวมทั้งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงระหว่างประเทศ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ขอให้หน่วยขึ้นตรงและเหล่าทัพ ได้แจ้งเตือนกำลังพล ตลอดจนครอบครัวให้ตระหนักและใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น
“นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้มีการกำชับกำลังพลในเรื่องการพกพาอาวุธออกไปยังสถานที่สำคัญ หรือชุมชนต่างๆ ส่วนกรณีที่มีกำลังพลวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ทางการเมืองนั้น ไม่มีการชี้แจงในการประชุมสภากลาโหม แต่ยืนยันว่ากำลังพลทุกนายมีวินัย ทำงานตามระบบ และตามสายการบังคับบัญชา เราเข้าใจถึงสถานการณ์ทางการเมือง กองทัพยังหน้าที่ช่วยเหลือประชาชาชนทุกฝ่ายทุกสี ซึ่งนายกฯ สั่งการให้กองทัพสนับสนุนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จะมีเจ้าหน้าที่ดูแลเส้นทางต่างๆ ในพื้นที่จนถึงหน่วยเลือกตั้ง ซึ่ง ผบ.ทบ.ให้คำยืนยันว่าจะดูแลอย่างเต็มที่ และพร้อมสนับสนุน กกต.หากมีการร้องขอกำลัง ทั้งสถานที่และกำลังพล” พ.อ.ธนาธิปกล่าว
